xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวมาบุญครอง ปรับสัดส่วนส่งออกเพิ่ม 50% ใน 3 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“สมเกียรติ มรรคยาธร” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน)
คาดปี 58 ทำรายได้ 1.5 พันล้านบาทจากตลาดในประเทศ 75% ส่งออก 25% เผยปี 59 เตรียมใช้ข้าวหอมมะลิบุกตลาดจีน ฮ่องกง สิงคโปร์ พร้อมปรับสัดส่วนเป็น 50:50 ใน 3 ปี พร้อมรุกธุรกิจร้านอาหารและศูนย์อาหารเต็มสูบมุ่งเป้า 5 พันล้านบาทใน 5 ปี

นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในเครือ เอ็ม บี เค กรุ๊ป เปิดเผยว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตข้าวบรรจุถุง “มาบุญครอง” 18 ตันต่อชั่วโมง และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคออกวางจำหน่าย อาทิ ข้าวธัญพืช ข้าวห้าสี ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และข้าวกล้องงอกหอมมะลิ เป็นต้น โดยในปี 2558 คาดว่าจะมียอดขาย 1.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 75% และส่งออก 25% โดยตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีสัดส่วนการจำหน่ายจะเป็น 50:50

สำหรับตลาดส่งออกของบริษัทฯ ปัจจุบันครอบคลุมทวีปเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา โดยในปี 2558 มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 60% ส่วนหนึ่งเป็นผลจากบริษัทฯ ได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการรัฐบาลส่งออกข้าวแบบจีทูจีไปยัง 3 ประเทศคือ จีน อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยในปี 2559 ยังวางแผนขยายตลาดไปยังประเทศจีน ฮ่องกง และสิงคโปร์ โดยใช้ข้าวหอมมะลิเป็นสินค้าบุกตลาด

บริษัทฯ มีการพัฒนาธุรกิจข้าวถุงและธุรกิจอาหารให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2522 ทั้งยังเป็นบริษัทแรกที่ได้รับเครื่องหมายมือ “พนมติดดาว ดีพิเศษ” ซึ่งเป็นรางวัลรับรองมาตรฐานคุณภาพข้าวหอมมะลิบรรจุถุง และเป็นรายเดียวที่ได้รับเครื่องหมายนี้ 8 ปีติดต่อกัน โดยได้รับการรับรองมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับทั้ง ISO 9001, BRC, GMP และ HACCP จึงแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญ ระบบการจัดการที่ดี คุณภาพของข้าว รวมถึงมาตรฐานการผลิต และความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ข้าวมาบุญครอง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังรุกเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร โดยเปิดร้านอาหารภายใต้แนวคิดที่ต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวยุคใหม่ที่มีเวลาปรุงอาหารรับประทานเองน้อยลง แต่ยังคงเลือกสรรอาหารที่มีคุณภาพและดีต่อสุขภาพ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีร้านอาหารญี่ปุ่น “ฟูจิโอะ โชกุโด” ร้าน “ซูรุมารุ อุด้ง ฮอนโปะ” และร้านสุกี้ยากี้ “นัมเบอร์วัน” รวมถึงธุรกิจศูนย์อาหาร 2 แห่งที่ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ โดยคาดว่าในปี 2558 จะมีรายได้จากธุรกิจร้านอาหาร 500 ล้านบาท และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 5 พันล้านบาทภายใน 5 ปี

“หลังการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ธุรกิจข้าวจะมีการแข่งขันสูงขึ้น เนื่องจากประเทศสมาชิกอาเซียนส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมจึงนับเป็นความท้าทายของผู้ผลิตข้าวถุงในประเทศไทย ขณะที่การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกาใต้มีแนวโน้มที่สดใส สำหรับธุรกิจร้านอาหารมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ใช้ชีวิตแบบโมบิลิตี้ไลฟ์สไตล์ ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่นอกบ้าน ชอบแสวงหาความแปลกใหม่ และแชร์ข้อมูล หรือรูปภาพทางโซเชียลมีเดีย รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ จึงทำให้ร้านอาหารที่มีคุณภาพดี และมีการตกแต่งสวยงามเป็นเอกลักษณ์กลายเป็นสถานที่พบปะของผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างประเทศ” นายสมเกียรติ กล่าว

จากแนวโน้มภาพรวมของตลาด บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจร้านอาหาร โดยจะเปิดศูนย์อาหารแห่งใหม่ในศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ บนพื้นที่ 800 ตารางเมตร และขยายสาขาร้านสุกี้ยากี้ “นัมเบอร์วัน” ให้ครบ 10 สาขาในปี 2559 ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจข้าวถุง โดยได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ร่วมในกระบวนการผลิตข้าวมาบุญครอง เพื่อให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพ ลดการใช้สารเคมี และผลิตสินค้าให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคยิ่งขึ้น พร้อมกับเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย ทั้งในซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า โมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ และเพิ่มร้านค้าส่งและปลีกในตลาดทั่วประเทศเพื่อเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น



กำลังโหลดความคิดเห็น