ตลาดเบียร์หืดจับ โต 4% “ไฮเนเก้น” ลุย 5 ลานเบียร์

ASTVผู้จัดการรายวัน - “ไฮเนเก้น” เผยตลาดรวมเบียร์ปี 2558 คงเติบโต 4% ในแง่มูลค่าทะลุ 140,130 ล้านบาท ส่วนในแง่ปริมาณเติบโต 1.5% ทะลุ 1,503 ล้านลิตร เหตุไตรมาส 3 ตลาดทรงตัว ยันยังครองส่วนแบ่งเท่าเดิม 42% ในกลุ่มพรีเมียม หวังไตรมาส 4 ช่วยดันตลาดให้คึกคัก พร้อมลุยจัดลานเบียร์ 5 แห่ง คาดหวังช่วงเทศกาลคนใช้บริการ 1 แสนคน

น.ส.ภัททภาณี เอกะหิตานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ผลิตภัณฑ์ไฮเนเก้น กลุ่มบริษัท ทีเอพี เปิดเผยว่า ตลาดรวมเบียร์ในประเทศไทยปี 2558 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 140,130 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 4% จากปี 2557 ที่มีมูลค่าประมาณ 134,901 ล้านบาท ที่เติบโต 5.4% ในแง่มูลค่าจากปี 2556 ที่มีมูลค่า 131,784 ล้านบาท ขณะที่ในแง่ปริมาณนั้นคาดว่าปี 2558 จะมีประมาณ 1,503 ล้านลิตร หรือเติบโตประมาณ 1.5% เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีประมาณ 1,480 ล้านลิตร ซึ่งเติบโตลดลง 2.4% จากปี 2556 ที่มีประมาณ 1,564.2 ล้านลิตร

ทั้งนี้ ในปี 2558 ช่วงไตรมาสแรกเศรษฐกิจภาพรวมฟื้นตัวขึ้นมาก ส่งผลให้ตลาดรวมเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้าง แต่เมื่อไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าตลาดรวมเริ่มซบเซา และยอดขายเริ่มช้าลงในภาพรวม เพราะเหตุการณ์ก่อการร้ายในกรุงเทพฯ ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าในไตรมาส 4 จะช่วยทำให้ตลาดรวมกลับมาคึกคักดีขึ้นหากไม่มีเหตุกาณ์อะไรเกิดขึ้นอีก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล และฤดูกาลขายของสินค้าด้วยสัดส่วนกว่า 30-40%

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของ “ไฮเนเก้น” ยังคงครองสัดส่วนตลาดเบียร์พรีเมียมในไทย มียอดขายที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ทางการตลาด และกิจกรรมต่อเนื่อง โดยยังครองส่วนแบ่งเท่าเดิมคือ 42% จากตลาดเบียร์ในกลุ่มพรีเมียมที่จำหน่ายราคา 72 บาทต่อขวดใหญ่ ที่มีมูลค่าประมาณ 14,886 ล้านบาท ในปี 2557 เทียบกับปี 2556 เติบโตลดลงกว่า 3% ขณะที่ผู้นำคือแบรนด์ “สิงห์” มีส่วนแบ่งประมาณ 51%

ส่วนตลาดกลุ่มเซฟวิ่ง หรืออีโคโนมี มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 4,341 ล้านบาท ราคาต่อขวดประมาณ 50 บาทต่อขวดใหญ่ โดยมี “อาชา” ครองตลาดนี้ 100% ส่วนตลาดกลุ่มเมนสตรีม หรือสแตนดาร์ด คือ ตลาดรวมที่เหลือมากกว่า 1 แสนล้านบาท ราคาเฉลี่ยที่ 57 บาทต่อขวดใหญ่ ผู้นำกลุ่มนี้คือ “ลีโอ” แชร์ประมาณ 73% รองลงมาคือ “ช้าง” ประมาณ 25% ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลจาก “เอซีนีลเส็น” สิ้นสุดเมื่อเดือนกันยายน 2558

ล่าสุด ในปีนี้ “ไฮเนเก้น” พร้อมกลับมารุกตลาดเทศกาลลานเบียร์อย่างหนักอีกหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้จัด และปีที่แล้วก็จัดเพียง 2 แห่งเท่านั้นคือ ที่ เซ็นทรัล เวิลด์ และเอสพลานาด รัชดาภิเษก โดยปีนี้กำหนดจัดมากถึง 5 แห่งคือ 1.ที่เซ็นทรัล เวิลด์ วันที่ 1 พ.ย.-31 ธ.ค.58 ซึ่งจะเป็นลานหลัก มีที่นั่งกว่า 400 ที่นั่ง 2.ลานพาร์คพารากอน จัดวันที่ 23 ธ.ค.58-31 ม.ค.59 3.เอสพลานาด รัชดาภิเษก วันที่ 28 ต.ค.-31 ธ.ค.58 4.ควอเธียร์ วอเตอร์ การ์เด้น ชั้น 5 ดิเอ็มควอเธียร์ วันที่ 1 ธ.ค.-31 ธ.ค.58 และ 5.เกรย์ฮาวนด์ คาเฟ่ สาขาเมเจอร์ อเวนิว รัชโยธิน วันที่ 1 ธ.ค.58-31 ม.ค.59 โดยบริษัทฯ เป็นผู้ลงทุนเอง ส่วนที่อื่นๆ หากมีก็เป็นเรื่องของเอเย่นต์กับเจ้าของสถานที่ที่จัดกันเอง

“ปีนี้จัดในธีมของ เดอะไฮเนเก้น สเปซ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาใช้บริการในช่วงเทศกาลรวมทุกสาขากว่า 1 แสนคน นอกจากนั้น ยังมีการออกแพกเกจจิ้งใหม่ และออกสินค้าบริการใหม่ เช่น ไฮเนเก้น เอ็กซ์ตร้า คูล เครื่องดื่มอุณหภูมิติดลบ ให้บริการใน 5 ลานเบียร์ และอีกกว่า 30 ร้านค้าในกรุงเทพฯ โดยมีการประชาสัมพันธ์งานเน้นหนักสื่อออนไลน์ สิ่งพิมพ์ และเอาต์เดอร์ คาดหวังการเข้าถึงสื่อ 5 ล้านครั้งในช่วงสิ้นปีนี้” น.ส.ภัททภาณี กล่าวในที่สุด