“สุวิทย์” เผยจัดทัพทูตพาณิชย์ ดึงคนเก่งดูแลตลาดอาเซียนเสร็จต้น พ.ย.นี้ พร้อมเดินแผนเจาะตลาดอาเซียนเชิงลึก และตลาดสำคัญ 50 เมืองของโลกได้ทันที ระบุทูตพาณิชย์ต้องลงไปเคาะประตูบ้านขายสินค้า และรับคำสั่งซื้อส่งต่อให้ผู้ส่งออกไทย คิวต่อไปนำ CEO กลุ่มอาหาร อัญมณี สุขภาพ พบนายกฯ ก่อนประชุมบอร์ดส่งออก แก้ปัญหาข้ามกระทรวง
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้การจัดทัพทูตพาณิชย์ตามยุทธศาสตร์การเจาะลึกอาเซียน (Deepening ASEAN) โดยปรับเปลี่ยนนำทูตพาณิชย์ที่เก่งที่สุดมาประจำอยู่ในอาเซียน 9 ประเทศ คาดว่าในช่วงต้นเดือน พ.ย.2558 น่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งจะทำให้แผนการบุกเจาะตลาดอาเซียนทำได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทยไปยังตลาดอาเซียนในฐานะตลาดส่งออกอันดับ 1 และยังเป็นการรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วย
ทั้งนี้ หลังจากปรับทัพทูตพาณิชย์ จะมีการดำเนินการตามแผนการบุกเจาะตลาดเชิงลึก มุ่งเน้นตลาดเมืองสำคัญ 50 เมืองของโลก และ 50 เมืองของอาเซียน โดยทูตพาณิชย์จะต้องเข้าไปสำรวจว่าแต่ละเมืองมีโอกาสสำหรับสินค้า และบริการของไทยอย่างไร แล้วทำแผนในการบุกเจาะตลาด
“ต่อไปทูตพาณิชย์จะทำหน้าที่เป็น Backstopping หรือเป็นหน่วยงานสนับสนุนที่จะไปหาตลาด ตรวจสอบความต้องการของตลาด และส่งคำสั่งซื้อสินค้าจากประเทศที่ตนเองประจำอยู่มายังผู้ประกอบการไทย ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาส และเพิ่มยอดการส่งออกให้แก่สินค้าไทยได้” นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการเร่งผลักดันการส่งออกในระยะสั้น กระทรวงฯ จะมุ่งการเปิดตลาดใหม่ และเน้นการผลักดันการส่งออกไปยังตลาดที่ยังเติบโตได้ โดยจะจัดคณะนักธุรกิจไทยเดินทางไปยังตลาดการค้าการลงทุนในหลายประเทศที่เศรษฐกิจยังเติบโตในอัตราสูง เช่น CLMV โดยจะเริ่มต้นจากกัมพูชาต่อเนื่องไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ และตลาดใหม่ที่ยังมีความสด เช่น อิหร่าน เป็นต้น
ส่วนการแก้ไขปัญหาการส่งออก และผลักดันการส่งออกอย่างเร่งด่วน กระทรวงฯ มีแผนที่จะนำ CEO กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ กลุ่ม Wellness (สุขภาพ ความงาม อายุรเวช) เป็นต้น เข้าพบปะหารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมมือกันในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และผลักดันการส่งออก หลังจากที่ได้เชิญ CEO กลุ่มยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เข้าพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีมาแล้ว
นอกจากนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อแก้ไขปัญหา และอุปสรรคการส่งออกที่มีหลายกระทรวงเข้าเกี่ยวข้อง และปรับโครงสร้างการส่งออกทั้งระบบอย่างบูรณาการ
นายสุวิทย์ กล่าวอีกว่า การส่งออกในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.) ทำได้ 161,563 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.98% ซึ่งแม้จะไม่ดีนัก แต่เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ถือว่าเอาตัวรอดไปได้ เพราะหากเทียบการส่งออกกับประเทศที่เป็น Top 20 ประเทศผู้ส่งออกใหญ่สุดของโลก ซึ่งมีตัวเลขส่งออก 8 เดือน พบว่า การส่งออกของไทยถือว่าติดลบน้อยกว่าหลายประเทศ โดยรัสเซีย ลบ 30.7% ออสเตรเลีย ลบ 21.8% นิวซีแลนด์ ลบ 17.6% อินเดีย ลบ 15.3% สิงคโปร์ ลบ 14% ญี่ปุ่น ลบ 9.2% เกาหลีใต้ ลบ 9.0% สหรัฐฯ ลบ 6.1%
อย่างไรก็ตาม พบว่าแม้มูลค่าส่งออกจะลดลง แต่ส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดคู่ค้าทุกประเทศเพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดญี่ปุ่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง เกาหลีใต้ ไต้หวัน อินเดีย ออสเตรเลีย ชิลี แอฟริกาใต้ และรัสเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการสินค้าไทยยังคงมีเพิ่มขึ้น