xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์” คาดส่งออกปี 59 พลิกบวก 5% มั่นใจแผนเจาะตลาดรูปแบบใหม่ช่วยปั๊มยอดพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
“พาณิชย์” ประเมินเป้าส่งออกปี 59 คาดพลิกกลับสู่แดนบวก โตได้ไม่ต่ำกว่า 5% แม้ยังมีปัจจัยเสี่ยงเพียบ ทั้งเศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวไม่ชัด เกิดสงครามลดค่าเงิน ราคาเกษตรตก แต่มั่นใจแผนผลักดันส่งออกที่มุ่งเจาะเป็นรายตลาด และมีกลยุทธ์การทำงานชัดเจนเอาอยู่

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์ได้มีการประเมินเป้าหมายการส่งออกสินค้าไทยในปี 2559 เบื้องต้นคาดว่าจะขยายตัวเป็นบวกได้เฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 5% แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงจากหลายด้านทั้งเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน สถานการณ์สงครามลดค่าเงิน ราคาสินค้าเกษตรตลาดโลกตกต่ำ และผลกระทบจากการที่ไทยไม่ได้เป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) แต่กระทรวงพาณิชย์ก็มั่นใจว่าจะผลักดันให้การส่งออกปี 2559 กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ หลังจากที่ประเมินว่าปี 2558 การส่งออกจะขยายตัวติดลบที่ 3%

ทั้งนี้ แผนการผลักดันการส่งออกปี 2559 ให้ขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5% จะเน้นทำการตลาดเชิงกลยุทธ์ มุ่งเน้นการบุกเจาะเมืองใหม่ เจาะเป็นกลุ่มตลาดสำคัญ และขยายช่องทางการตลาดอย่างสร้างสรรค์ โดยจะนำเสนอสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

สำหรับตลาดที่จะทำการผลักดันการส่งออก ได้แบ่งตลาดออกเป็นกลุ่มตลาด เริ่มจากตลาดอาเซียน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม มีตลาดอาเซียนใหม่ คือ CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม) ตลาดอาเซียนอื่น (มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย บรูไน) และสิงคโปร์ ตลาดนอกอาเซียน ได้แก่ จีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมืออ่าวอาหรับ 6 ประเทศ (GCC)

โดยกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้สำหรับเจาะตลาดจะเน้นการบุกเจาะตลาดในทุกหัวเมืองหลัก นอกเหนือจากเมืองหลวง การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจด้านการค้าสินค้า การค้าบริการและการลงทุนด้านการผลิต โดยเฉพาะตลาดประเทศเพื่อนบ้านและอินเดีย ขยายช่องทางจำหน่ายที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตสมัยใหม่ และวัฒนธรรมการบริโภคยุคสังคมเมือง ผ่านการค้าปลีกสมัยใหม่ หรืออีคอมเมิร์ช เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนในจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งส่งเสริมการค้าชายแดนและสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุน

ส่วนตลาดผู้บริโภคที่มีความพร้อม ได้แก่ สหรัฐฯ แคนาดา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ ละตินอเมริกา รัสเซีย และ CIS จะเน้นใช้กลยุทธ์เจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ ได้แก่ กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม กลุ่มสถาบัน (เครือโรงแรม เรือสำราญ) กลุ่มชาติพันธุ์ เช่น ผู้บริโภคฮิสแปนิก กลุ่มผู้รักสัตว์ กลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยนำเสนอสินค้าและบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ผลักดันการตลาดช่องทางใหม่ๆ ได้แก่ อีคอมเมิร์ซ Pop up Store โฮมชอปปิ้ง ร้าน Special Store (Private brand) รวมทั้งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการจัดตั้ง Sale/Marketing Office เพื่อยกระดับการเข้าถึงตลาดของผู้ประกอบการไทย การส่งเสริมการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจโดยเฉพาะ ระหว่างผู้ประกอบการไทยกับกลุ่มธุรกิจในประเทศพัฒนาแล้ว เพื่อเชื่อมโยงประเทศไทยสู่ห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจชั้นนำของโลก (supply chain)

ขณะที่ตลาดกำลังจะเกิดใหม่ ได้แก่ แอฟริกา (ไม่รวมประเทศแอฟริกาใต้) เอเชียใต้ (ไม่รวมอินเดีย) จะใช้กลยุทธ์เน้นการเจาะตลาดในเมืองที่มีศักยภาพ เช่น เมืองลากอส ของไนจีเรีย กรุงไคโร ของอียิปต์ กรุงโคลอมโบของศรีลังกา กรุงธากาของบังกลาเทศ โดยจะผลักดันสินค้าและบริการพื้นฐานที่สอดคล้องกับระดับการพัฒนาของประเทศ เช่น อุปกรณ์และเครื่องจักรกลด้านการเกษตร เภสัชภัณฑ์ วัสดุก่อสร้างและธุรกิจบริการก่อสร้าง การสร้างพันธมิตรให้เป็นแหล่งวัตถุดิบที่จำเป็นต่ออุตสาหกรรมผลิตเพื่อการส่งออก เช่น อัญมณี และประมง เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น