“ปลัดคมนาคม” ยันประมูลมอเตอร์เวย์ 3 สายได้หมดในปีนี้ พร้อมชงรถไฟฟ้าสายสีส้มเข้า ครม.ได้ในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน สรุปลงทุน PPP เสนอ ครม.ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน กำชับทุกหน่วยเร่งประมูลงานปี 59 ตั้งเป้าเบิกจ่ายงบเกิน 90% ขณะที่มั่นใจแก้ปัญหาการบิน พร้อมรับ FAA ตรวจซ้ำ มั่นใจไม่ถูกลดเกรด
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรกว่า งานเร่งด่วนที่จะเร่งรัดเป็นอันดับแรก คือ การประกวดราคาโครงการมอเตอร์เวย์ 3 สายภายในปี 2558 โดยขณะนี้สายพัทยา-มาบตาพุด ระยะทาง 32 กม. วงเงิน 20,200 ล้านบาทได้เปิดประกวดราคาแล้ว ส่วนสายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร วงเงิน 55,620 ล้านบาท และสายบางปะอิน-นครราชสีมา ระยะทาง 196 กิโลเมตร วงเงิน 84,600 ล้านบาท ได้จัดทำร่างเอกสารประกวดราคาเสร็จแล้ว จะเร่งรัดให้มีการประกวดราคาในปีนี้เพื่อให้ได้ผู้รับจ้างก่อสร้างเร็วที่สุด และภายในเดือน ต.ค.นี้จะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันออก (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร วงเงินประมาณ 95,000 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างสอบถามความเห็นหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ มอเตอร์เวย์สายพัทยา-มาบตาพุด จะใช้เงินจากกองทุนมอเตอร์เวย์มาดำเนินการ ส่วนบางปะอิน-โคราช และบางใหญ่-กาญจนบุรี จะใช้เงินกู้มาดำเนินการ ส่วนงาน Operation & Maintenance ระบบ (O&M) การปฏิบัติการและบำรุงรักษา ของทั้ง 3 สายนั้นจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในรูปแบบการร่วมทุนระหว่างรัฐกับเอกชน หรือ Public Private Partnerships (PPP) โดยขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดรูปแบบ PPP ของระบบ O&M ซึ่งยังมีเวลาเตรียมการ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยประกวดราคางานระบบได้หลังเริ่มการก่อสร้างประมาณ 6 เดือน
นอกจากนี้ กรมทางหลวงจะต้องศึกษารูปแบบ PPP ในโครงการมอเตอร์เวย์สายนครปฐม-ชะอำ ที่แยกจากมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ที่ จ.นครปฐม และเชื่อมต่อไปยัง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ทั้งส่วนของการก่อสร้างและงานระบบ คาดว่าจะสรุปความชัดเจนในปี 2559
ส่วนโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ-หัวหิน นั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เสนอรายละเอียดโครงการมาแล้ว โดยกระทรวงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ โดยแผนการดำเนินโครงการรูปแบบ PPP ซึ่งโครงการรถไฟความเร็วสูงอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติในเรื่อง PPP ซึ่งจะสรุปเสนอคณะกรรมการ PPPได้ภายในปี 2558
สำหรับการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ในยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (พ.ศ. 2558-2565) อยู่ระหว่างการทบทวนเพื่อปรับให้แผนกำชับและประกวดราคาได้รวดเร็วมากขึ้น โดยพิจารณาในประเด็นข้อติดขัดและแก้ปัญหา เช่น เรื่องการนำเสนอผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งได้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อขอให้เร่งรัดการพิจารณา เป็นต้น
“ในการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมจะพยายามใช้รูปแบบ PPP ให้มากที่สุดซึ่งเป็นไปตามนโยบาย ดังนั้นบางโครงการอาจจะต้องมีการพิจารณาในส่วนที่รัฐจะต้องสนับสนุนในบางส่วน เช่น งานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้มีความเป็นไปได้” นายชายติชายกล่าว
ในส่วนของงบประมาณปี 2559 จะมีการเร่งรัดการเบิกจ่าย โดยตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายในภาพรวมมากกว่า 90% โดยในส่วนของโครงการเล็กๆ มูลค่าต่ำกว่า 2 ล้านบาท จะเร่งการประกวดราคา และลงนามสัญญาให้หมดภายในไตรมาส 1/2559 (ต.ค.-ธ.ค. 58) ส่วนโครงการใหญ่ ได้สั่งการให้แต่ละหน่วยงานเร่งทบทวนแบบและราคากลางเพื่อประกวดราคาโดยเร็ว
สำหรับการแก้ปัญหาด้านการบินนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน โดยในวันที่ 26 ต.ค.นี้ทางสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติ (Federal Aviation Administration; FAA) จะเข้ามาผลการแก้ไขกรณีที่ตรวจพบปัญหาซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหาและเชื่อว่าจะไม่ถูกลดระดับความปลอดภัยด้านการบิน ประเภทที่ 1 (Category 1) โดยขณะนี้ได้ปรับปรุงแก้ไขในบางหัวข้อได้แล้ว เนื่องจากรัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน (ศบปพ.) ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมได้ร่วมกับกองทัพอากาศในการแก้ปัญหา และปรับปรุงให้การดำเนินการทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐานของ FAA และ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO)