ASTVผู้จัดการรายวัน - อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาปีนี้ลุ้นโต 2% ไตรมาสสี่ลูกค้าพร้อมอัดเม็ดเงินกระตุ้นยอดขาย ชี้นักโฆษณาต้องปรับตัวรับแพลตฟอร์มใหม่ ตอบโจทย์ลูกค้าที่ยึดการเข้าถึงผู้บริโภคเป็นหลักภายใต้งบโฆษณาเท่าเดิม เชื่อปีหน้าภาครัฐอัดงบขับเคลื่อนเศรษฐกิจช่วยโฆษณากลับมาสดใส ปลื้มแคมเปญ “อย่าให้ใครว่าไทย” รัฐช่วย 148 ล้านบาท และอีกกว่า 1,000 ล้านบาทในอีก 2 ปีต่อไป
นางสาวอ่อนอุษา ลำเลียงพล นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโฆษณาปีนี้ 2558 ทั้งปีมองว่าน่าจะเติบโตเล็กน้อยประมาณ 2% จากปีก่อนปิดที่ 116,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่ช่วง ม.ค.-ส.ค.ที่ผ่านมาตลาดยังโตได้อยู่ 2% โดยเฉพาะสื่อทีวีรวมยังคงพบว่ามีการเติบโตขึ้นเพียงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อแยกออกเป็นฟรีทีวีพบว่ามีการเติบโตลดลง แต่ไปเติบโตที่ส่วนของทีวีดิจิตอลเป็นหลักแทน ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าการเติบโตนี้มาจากราคาที่ขายจริงหรือราคาที่ตั้ง
อย่างไรก็ตาม มองว่าในไตรมาสสี่นี้ลูกค้ายังพร้อมใช้งบโฆษณาอย่างต่อเนื่อง และใช้มากขึ้น เนื่องจากไตรมาสสี่เป็นช่วงการขาย ลูกค้าจะมีการใช้เงินในส่วนของการจัดอีเวนต์หรือเฟสติวัลเป็นหลัก ซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ยังคงใช้เงินโฆษณาต่อเนื่องยังคงเป็นกลุ่มแบรนด์ใหญ่และธุรกิจหลัก อย่างกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ คอมมูนิเคชัน ยานยนต์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว และเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ เป็นต้น
นายกสมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทยกล่าวต่อด้วยว่า ในสถานการณ์ที่ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคเปลี่ยนไป และมีแพลตฟอร์มในการรับชมเพิ่มขึ้น ถือเป็นการหมดยุคไพรม์ไทม์ และเข้าสู่ยุคมายไทม์ ผู้บริโภคสามารถรับชมเวลาใดก็ได้ ผ่านแพลตฟอร์มใดๆ ก็ได้ ถือเป็นช่วงเวลาที่นักโฆษณาจะต้องมีการปรับตัวให้เข้าใจกับสถานการณ์ในยุคดิจิตอล ไม่ใช่นำดิจิตอลมาแทนที่การโฆษณา ซึ่งจะต้องคิดและวิเคราะห์สร้างสรรค์ให้มากขึ้น เพื่อให้ชิ้นงานที่นำเสนอออกมามีประสิทธิภาพและส่งผลต่อการขายสินค้าแบบยั่งยืนต่อไป ภายใต้ความต้องการของลูกค้าด้วยงบโฆษณาที่มีอยู่เท่าเดิม แต่มุ่งเน้นในเรื่องของวัตถุประสงค์ในการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคและกลุ่มเป้าหมายแบบเจาะจงมากยิ่งขึ้น ตามไลฟ์สไตล์ ผ่านคอนเทนต์ เนื้อหาสาระ และแพลตฟอร์มที่รับชมที่แตกต่างกันออกไป
“การเปลี่ยนแปลงการรับชม มีแพลตฟอร์มใหม่ๆ เข้ามา สุดท้ายโฆษณาจะยังคงอยู่ เพียงแต่ต้องปรับตัว และคิดให้รอบคอบและมีประสิทธิภาพในการนำไปใช้ยังแพลตฟอร์มต่างๆ มากขึ้น ในวันที่หมดยุคไพรม์ไทม์ และก้าวสู่ยุคมายไทม์ โดยผู้ชมเป็นตัวกำหนดการรับชมต่างๆ รวมถึงโฆษณาด้วย” นางสาวอ่อนอุษากล่าว
ด้านนายชัยประนิน วิสุทธิผล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีบีดับบลิวเอ (ประเทศไทย) จำกัด และในฐานะนายกกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวเสริมว่า การเติบโตของอุตสาหกรรมโฆษณา ปกติจะขึ้นอยู่กับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศเป็นสำคัญ ดังนั้น ตั้งแต่ปลายปีนี้ไปจนถึงปีหน้าต้องดูที่ภาครัฐ เกี่ยวกับการอัดฉีดเม็ดเงินการลงทุนเข้าระบบในด้านต่างๆ ด้วยว่าจะมีออกมามากน้อยแค่ไหน จึงจะสามารถคาดการณ์ได้ว่าในปีต่อไปมูลค่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะสามารถเติบโตได้มากเพียงใด
ส่วนปีนี้ที่ยังพบว่าสื่อดั้งเดิมบางตัวยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่บ้าง เช่น กลุ่มทีวี แม้ว่าจะมีเรื่องของดิจิตอลเข้ามาแทนที่มากขึ้นก็ตาม แต่ทั้งนี้นักโฆษณาควรที่จะปรับตัวและอินทิเกรตสื่อต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมให้มากที่สุด
*** รัฐบาลอัด 1.2 พันล้าน ดันแคมเปญ อย่าให้ใครว่าไทย ***
นายวิทวัส ชัยปราณี นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า ปีนี้ทางสมาคมฯ ยังได้เดินหน้าสร้างจิตสำนึกที่ดีแก่คนไทย ภายใต้แคมเปญ “อย่าให้ใครว่าไทย...” ด้วยความร่วมมือกันระหว่าง 5 องค์กร คือ 1. สมาคมโฆษณาแห่งประเทศไทย 2. กอ.รมน. 3. มูลนิธิมั่นพัฒนา 4. สภาหอการค้าไทย และ 5. กรมประชาสัมพันธ์ หลังจากเปิดตัวแคมเปญออกไป ทางรัฐบาลได้เข้ามาช่วยสนับสนุนแคมเปญดังกล่าวในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้อีก 148 ล้านบาท และในอีก 2 ปีต่อไปพร้อมสนับสนุนอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 500 ล้านบาท หรือตลอดระยะเวลา 3 ปีของแคมเปญดังกล่าว ทางรัฐบาลพร้อมสนับสนุนกว่า 1,200 ล้านบาท ในการสร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่คนไทย
อย่างไรก็ตาม นอกจากรัฐบาลจะเล็งเห็นข้อดีของแคมเปญดังกล่าวนี้ ยังมีภาคองค์กรต่างๆ อีก 77 องค์กรที่เล็งเห็นผลดี และได้ปรับเปลี่ยนการทำซีเอสอาร์ขององค์กรตัวเอง ภายใต้ธีมแคมเปญอย่าให้ใครว่าไทยด้วย เช่น อย่าให้ใครว่าไทยไร้ปัญญา จากทาง SCG และ อย่าให้ใครว่านักบิดไทยไร้วินัย จากทางดูคาติ เป็นต้น