“พาณิชย์” ปรับแผนส่งออกหันเจาะตลาดเป็นรายเมือง เน้น 50 เมืองที่มีจีดีพีสูงสุดติดอันดับโลก สั่งศึกษาข้อมูลการตลาด พฤติกรรมผู้บริโภค ชีวิตความเป็นอยู่ ก่อนทำแผนเจาะเป็นรายเมือง พร้อมทำแผนมุ่งตลาดอาเซียนหลังคู่ค้าอื่นชะลอตัว จัดทัพทูตพาณิชย์ใหม่ เอาคนเก่งทำงานบุกเจาะตลาดอาเซียน
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ อยู่ระหว่างการคัดเลือกเมืองต่างๆ ในโลกที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวม (จีดีพี) และมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุด 50 อันดับแรกของโลก ตามนโยบายของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงฯ มุ่งเน้นการส่งออกสินค้า และบริการเจาะเป็นรายเมืองที่มีศักยภาพ เพื่อให้มูลค่าการส่งออกของไทยขยายตัวได้มากขึ้น โดยเมื่อคัดเลือกเมืองได้แล้วจะทำแผนผลักดันการส่งออกสินค้า และบริการไทยให้เหมาะสมต่อทั้ง 50 เมืองต่อไป
ทั้งนี้ จะให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศศึกษารายละเอียดในด้านต่างๆ ของ 50 เมืองที่มีจีดีพีสูงติดอันดับโลก ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลด้านการตลาด พฤติกรรมของผู้บริโภค อาชีพ รายได้ ความชอบ ชีวิตความเป็นอยู่ เป็นเมืองท่องเที่ยว หรือเมืองทำงาน เป็นต้น เพื่อทำแผนเจาะตลาดให้ตรงต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละเมืองให้มากที่สุด เพื่อให้การเจาะตลาดมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับเมืองที่มีจีดีพีสูงที่สุดในโลก เช่น นิวยอร์ก, โตเกียว, เซี่ยงไฮ้, ลอนดอน, ปักกิ่ง, ลอส แองเจลิส, ปารีส, ชิคาโก, เสิ่นเจิ้น, เทียนสิน, ดัลลัส, วอชิงตัน ดี.ซี., ฮุสตัน, เซาเปาโล, มอสโก, ฉงชิ่ง, กวางโจว, เม็กซิโก ซิตี, โอซากา, ฟิลาเดลเฟีย, บอสตัน, ซานฟรานซิสโก, ฮ่องกง เป็นต้น ส่วนเมืองที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก เช่น เซี่ยงไฮ้, ปักกิ่ง, นิวยอร์ก, เทียนสิน, ฉงชิ่ง, เสิ่นเจิ้น, กวางโจว, นานกิง, หางโจว, เฉิงตู, อู่หั่น, ลอนดอน, ลอส แองเจลิส, ไทเป, เดลี, มอสโก, สิงคโปร์, เซาเปาโล, โตเกียว, เสิ่นหยาง, ซีอาน, มุมไบ และฮ่องกง เป็นต้น
นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับแผนการผลักดันส่งออกของไทยในภาพรวมได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจัดทำใหม่ทั้งหมด ซึ่งนอกจากจะหันมาเจาะตลาดเป็นรายเมือง โดยเน้น 50 เมืองหลักที่มีจีดีพีสูงแล้ว ยังต้องมองตลาดที่เป็นเมืองใหม่ๆ ในโลกอีก เช่น สหรัฐฯ จะเลือกเจาะกี่เมือง จีน กี่เมือง อินเดีย กี่เมือง เพราะแค่จีนอย่างเดียว ก็มีถึง 46 เมืองที่เป็นเมืองใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงจากเมืองใหม่ทั่วโลก 200 เมือง จึงต้องวางยุทธศาสตร์ให้ชัดเจนว่าจะบุกเจาะยังไง
ส่วนตลาดอาเซียนจะให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะตลาด CLMMV (กัมพูชา ลาว พม่า มาเลเซีย และเวียดนาม) โดยจะใช้รูปแบบผลักดันการค้าชายแดน และการค้าผ่านแดนไปยังประเทศอื่นๆ ส่วนอาเซียนที่เหลือก็จะต้องเน้นการเพิ่มยอดส่งออกให้ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดเดิม ทั้งสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เป็นต้น ก็จะไม่ทิ้ง แต่จะหาทางรักษาส่วนแบ่งตลาดเอาไว้ให้ได้เหมือนเดิม เพราะขณะนี้เศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอตัว จึงต้องมุ่งเจาะตลาดที่มีศักยภาพก่อน แต่เมื่อประเทศเหล่านี้ฟื้นตัวก็จะมุ่งเจาะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ จะจัดทัพทูตพาณิชย์ไทยในต่างประเทศใหม่ทั้งหมด โดยต้องเอาคนเก่งๆ มาไว้ที่อาเซียน เพราะต่อไปจะต้องทำงานเจาะตลาดอาเซียนหนักมากขึ้น ขณะเดียวกัน ทูตพาณิชย์ต้องทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อผลักดันด้านการท่องเที่ยว การค้า และการลงทุนของไทยในประเทศต่างๆ ให้มากขึ้นด้วย