“พาณิชย์” เตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์หน้า ขออนุมัติแผนพัฒนาเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ตั้งเป้า 3 ปีมีเอสเอ็มอีเลือดใหม่เกิดขึ้นไม่น้อยกว่า 5.89 หมื่นราย เฉพาะปีแรกของบ 700 ล้านบาท ดันเกิดเอสเอ็มอีทันที 1.8 หมื่นราย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 3.33 แสนล้านบาท
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์เตรียมเสนอแผนพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยตั้งเป้าหมายดำเนินการ 3 ปี (2559-2561) มีแผนที่จะพัฒนาเอสเอ็มอีให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 58,940 ราย และผลักดันเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน 338,800 ราย สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 419,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ เฉพาะปี 2559 ซึ่งเป็นปีแรกของการดำเนินการ ได้ของบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน 704.64 ล้านบาท เพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีจำนวน 18,035 ราย ผลักดันให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน 280,000 ราย และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ 333,000 ล้านบาท
สำหรับแผนการสร้างเอสเอ็มอีเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จะดำเนินการผ่านโครงการต่างๆ ได้แก่ การสร้างนักการค้ามืออาชีพ จะผลักดันให้เกิดผู้ประกอบการไม่น้อยกว่า 15,000 ราย การส่งเสริมโซเชียลบิสิเนส โดยผลักดันให้วิสาหกิจชุมชนมีขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ เป้าหมาย 5,000 ราย การพัฒนาตลาดกลางให้เป็นศูนย์กลางซื้อขายสินค้าเกษตร จากปัจจุบัน 54 แห่งให้มีเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาตลาดชุมชนเพื่อธุรกิจท้องถิ่น ตั้งเป้า 231 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้ มีแผนที่จะผลักดันเอสเอ็มอีขยายตลาดสู่อาเซียน โดยเฉพาะผู้ค้าส่งค้าปลีกในการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคให้ประเทศเพื่อนบ้าน และการเชื่อมโยงเครือข่ายเอสเอ็มอีในการขยายตลาดการค้าชายแดน เน้นตลาด CLMMV (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า มาเลเซีย และเวียดนาม) และยังจะช่วยสร้างโอกาสทางการค้าให้แก่เอสเอ็มอีในตลาดอาเซียน โดยมีแผนจัดงานแสดงสินค้า ไทยแลนด์ วีค เพื่อเจาะตลาดตามหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจในอาเซียน
ส่วนการผลักดันเอสเอ็มอีออกสู่ตลาดโลก จะผลักดันให้ธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีศักยภาพขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยตั้งเป้าหมายปีละไม่ต่ำกว่า 100 ราย และขายแฟรนไชส์ในต่างประเทศได้ไม่น้อยกว่า 1,800 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 6,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มี 22 แฟรนไชส์ได้ออกไปสู่ตลาดโลกแล้วกว่า 38 ประเทศ
สำหรับเอสเอ็มอีที่จะขยายตลาดส่งออก จะผลักดันให้เอสเอ็มอีเข้าร่วมงานแสดงสินค้า ร่วมคณะผู้แทนการค้า เพื่อขยายตลาดตั้งเป้า 2,600 ราย โดยปีแรกไม่น้อยกว่า 900 ราย และจะผลักดันให้ตราสินค้าของเอสเอ็มอีขยายออกสู่ตลาดต่างประเทศ ให้ได้ไม่น้อยกว่า 500 ราย รวมทั้งจะผลักดันให้เอสเอ็มอีใช้ช่องทางการค้าออนไลน์ผ่าน www.thaitrade.com เป็นช่องทางขายสินค้า ตั้งเป้ามีฐานลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากเอสเอ็มอีผ่านทางออนไลน์เพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 10,000 ราย
ขณะเดียวกัน จะผลักดันให้เอสเอ็มอีที่เกิดขึ้นสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้โดยง่าย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้มีมาตรการทางการเงินออกมาช่วยเหลือแล้ว แต่กระทรวงฯ จะผลักดันให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนจากโอกาสที่เกิดขึ้นภายใต้ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งขณะนี้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้จัดตั้งสำนักงานหลักประกันทางธุรกิจขึ้นมาแล้ว ก็จะผลักดันให้เข้าไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้ได้มากขึ้น หลังจากที่กฎหมายมีผลบังคับใช้