xs
xsm
sm
md
lg

“สุวิทย์” เร่งปั้นนักรบเศรษฐกิจใหม่ ดึง SMEs เข้าระบบ หวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“สุวิทย์” เดินหน้าปั้นนักรบเศรษฐกิจใหม่ ดึง SMEs เข้าสู่ระบบหวังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในให้เข้มแข็ง เน้นสร้างธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโซเชียล ดันเกษตรกรเป็นนักธุรกิจ และส่งเสริมการค้าออนไลน์ เผยหาก พ.ร.บ.หลักประกันธุรกิจมีผลบังคับใช้จะทำให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น

นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ โดยได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ โดยเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพราะขณะนี้มี SMEs ที่จดทะเบียนถูกต้อง 6.8 แสนราย จากทั้งหมด 2.7 ล้านราย ซึ่งต้องผลักดันให้เข้าสู่ระบบให้ได้เพิ่มขึ้นเพื่อที่รัฐจะได้เข้าไปช่วยเหลือและผลักดันให้มีความเข้มแข็งเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ แนวทางในการสร้างผู้ประกอบการใหม่จะเน้นการสร้างผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ทั้งการฝึกอบรม พัฒนาเพื่อให้เกิดธุรกิจรายใหม่ โดยรัฐจะช่วยส่งเสริมด้านองค์ความรู้ และเพิ่มแรงจูงใจด้านภาษี ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังกำลังดำเนินการ โดยธุรกิจที่อยากให้ส่งเสริมเพิ่มขึ้น เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโซเชียล เอนเตอร์ไพรส์ และการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการเกษตร หรือการพัฒนาเกษตรกรให้เป็นนักธุรกิจ

ขณะเดียวกัน เมื่อธุรกิจมีการจัดตั้งขึ้นแล้วก็ต้องหาทางเชื่อมโยงและขยายเครือข่าย เพื่อให้ธุรกิจมีการเติบโตขึ้น ซึ่งในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้มีการจัดตั้ง Biz Club ขึ้นมาแล้วใน 38 จังหวัด มีสมาชิก 7 พันกว่าราย จะต้องผลักดันให้มีเพิ่มมากขึ้น และทำการเชื่อมโยงกับกลุ่มและเครือข่ายธุรกิจขององค์กรอื่นๆ ทั้งหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อให้มาร่วมมือกันในการทำธุรกิจ

สำหรับธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (อี-คอมเมิร์ซ) ได้เร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ทำการค้าขายออนไลน์เข้ามาจดทะเบียนเข้าสู่ระบบให้ได้เพิ่มมากขึ้น และจะเน้นการส่งเสริมให้ SMEs มีโอกาสในการค้าขายผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งหากมีความเข้มแข็งแล้วก็จะส่งเสริมให้ขยับไปสู่ภาคการส่งออกต่อไป

ส่วนด้านการอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ จะต้องมีการพัฒนางานบริการให้มีความรวดเร็วและตอบสนองต่อความต้องการให้ได้มากขึ้น เช่น การจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลคนเดียว ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษา และคาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ เพราะหากทำได้ก็จะทำให้ธุรกิจ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพราะมีตัวตนชัดเจน และยังเข้าถึงการส่งเสริมของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้ด้วย

นายสุวิทย์กล่าวว่า ในด้านการจัดหาเงินทุนในการประกอบธุรกิจของ SMEs ขณะนี้กระทรวงการคลังได้มีมาตรการช่วยเหลือออกมาแล้ว และในส่วนของกระทรวงพาณิชย์กำลังรอการบังคับใช้ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้ SMEs เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถนำทรัพย์สินอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่ดิน อาคาร สิ่งปลูกสร้างมาใช้เป็นหลักประกันเพื่อขอกู้เงินได้ เช่น เครื่องจักร พาหนะ เครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในกิจการ และรวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น