โพลชี้คนไทยพอใจนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรัฐบาล ทั้งกองทุนหมู่บ้าน ปรับเงื่อนไขค้ำประกัน เร่งเบิกจ่าย ลดภาษีนิติบุคคล และให้สินเชื่อเอสเอ็มอี เชื่อช่วยดันจีดีพีปีนี้โต 3% แนะรัฐเร่งสร้างการรับรู้ พร้อมอัดฉีดเงินเข้าระบบภายใน 1 เดือน
นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนะต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล จากประชาชนทั่วประเทศ 1,200 ตัวอย่าง และผู้ประกอบการ 600 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 9-13 ก.ย. 2558 ว่า ประชาชนและผู้ประกอบการพอใจนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะกองทุนหมู่บ้าน การปรับปรุงเงื่อนไขการค้ำประกัน การเร่งเบิกจ่ายเงินโครงการไม่เกิน 1 ล้านบาท การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 10% ของกำไรสุทธิ 2 รอบบัญชี และการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำแก่เอสเอ็มอี
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เชื่อว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาจะมีส่วนกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะขยายตัว 2.1-3% ส่วนปีหน้าโตมากกว่า 3%
อย่างไรก็ตาม แม้คนส่วนใหญ่จะพอใจ แต่ก็มีคนเป็นจำนวนมากที่ไม่รับรู้ว่ารัฐบาลมีนโยบายในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องจัดโรดโชว์เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึง เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจ และสร้างการรับรู้ตามความต้องการของแต่ละพื้นที่ให้มากขึ้น
สำหรับนโยบายเศรษฐกิจเฟส 1 ประกอบด้วย การเร่งเบิกจ่ายเงินโครงการขนาดเล็กไม่เกิน 1 ล้านบาท การจัดสรรเงินให้เปล่าตำบลละ 5 ล้านบาท และการปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้าน ส่วนเฟส 2 ประกอบด้วย การยกเว้นภาษีให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) เป็นเวลา 5 ปี การปรับปรุงเงื่อนไขการค้ำประกันโดยบรรษัทสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) Start up เอสเอ็มอี เฉพาะที่มีศักยภาพสูง การลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 10% ของกำไรสุทธิ 2 รอบบัญชี และสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับเอสเอ็มอี
นางเสาวณีย์กล่าวว่า ในการสำรวจครั้งนี้ได้มีการสำรวจมาตรการดูแลค่าครองชีพของกระทรวงพาณิชย์ด้วย โดยพบว่าส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ามีการจัดทำมาตรการ ทั้งโครงการเครือข่ายอาสาพาณิชย์ การดูแลราคาสินค้าที่เหมาะสมและเป็นธรรม โครงการฉลาดซื้อ-ประหยัดใช้ การส่งเสริมเอาต์เลตสินค้าเกษตร แอปพลิเคชันลายแทงของถูก โครงการธงฟ้า และร้านหนูณิชย์พาชิม
ส่วนสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเพิ่มเติม ขอให้เน้นการลดภาระด้านค่าครองชีพ ควบคุมราคาสินค้า การปราบปรามคอร์รัปชัน เพิ่มความปลอดภัยในประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ กระตุ้นการส่งออก ส่งเสริมและช่วยเหลือเอสเอ็มอี ส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยต้องการให้ดำเนินการตั้งแต่เดือน ก.ย.เป็นต้นไป
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ประชาชนและผู้ประกอบการตอบรับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาในเชิงบวก และคาดหวังว่าเมื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ดีขึ้นจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันถูกหลายปัจจัยลบรุมเร้า ทำให้ถูกมองว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจยังทำไม่ได้ดีเท่าที่ควร
อย่างไรก็ตาม หากเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลลงไปสู่ระบบได้รวดเร็วภายใน 1 เดือน คาดว่าจะมีส่วนกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวได้ 3% แน่นอน