“อภิรดี” รับลูกนายกฯ ดูแลค่าครองชีพประชาชน สั่งตรวจต้นทุนสินค้าเชิงลึกหลังน้ำมันลดแต่บางรายการยังไม่ปรับลง โชว์หลายรายการลดราคาแล้ว ทั้งปูน กระเบื้อง เหล็ก ปุ๋ย เม็ดพลาสติก น้ำมันพืช สั่งจัดทีมผู้บริหารตรวจตลาดทั่วประเทศตลอด 3 สัปดาห์นี้ ดูให้ชัดของแพงจริงหรือไม่ พร้อมเดินหน้าส่งธงฟ้าเคลื่อนที่ เพิ่มร้านหนูณิชย์พาชิม จัดตลาดชุมชน เตรียมเปิดแอปฯ ลายแทงของถูก ช่วยคนไทยตามหาสินค้าถูก
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชนและผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยได้มีการติดตามและตรวจสอบต้นทุนการผลิตสินค้า ภาวะราคาสินค้า หลังจากที่ราคาน้ำมัน โดยเฉพาะดีเซลได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว 25% ซึ่งพบว่ามีทั้งสินค้าที่ปรับตัวลดลงและบางรายการเพิ่มขึ้น และจะมีการเดินหน้าตรวจสอบต้นทุนเชิงลึกต่อไป โดยจะเน้นสินค้าที่ยังไม่มีการปรับลดราคาลงมาตามต้นทุนที่ลดลง
ทั้งนี้ เบื้องต้นพบว่ามีสินค้าที่มีการปรับลดราคาลงมาจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลงแล้ว เช่น ปูนซีเมนต์ ลด 2-4% กระเบื้อง ลด 5-7% เหล็ก ลด 5-10% ปุ๋ยเคมี ลด 10-30% แต่เฉพาะปุ๋ยเคมีที่จำหน่ายให้เกษตรกรลด 25-50% เม็ดพลาสติก ลด 3.85-7.7% ถุงพลาสติก ลด 4.25-14.89% ยากำจัดศัตรูพืช ลด 5-10% เป็นต้น
ขณะเดียวกันยังมีสินค้าอื่นๆ ที่ลดลงตามต้นทุน เช่น น้ำมันพืชปาล์ม ขณะนี้ราคา 35-36 บาทต่อขวด ลดจากราคาแนะนำที่ 42 บาทต่อขวด น้ำมันถั่วเหลือง ราคา 47-48 บาทต่อขวด จากราคาแนะนำ 52 บาทต่อขวด รวมถึงผักสด หมู ไก่ ยกเว้นอาหารทะเล ที่แพงขึ้นจากมาตรการดูแลการทำประมงของภาครัฐ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ยังได้จัดทีมงานระดับผู้บริหาร นำโดย รมว.พาณิชย์ รมช.พาณิชย์ ปลัดกระทรวงฯ อธิบดีกรมการค้าภายใน ผู้ตรวจราชการ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ ออกตรวจสอบภาวะราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั่วประเทศ โดยไม่มีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทราบล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบราคาสินค้าทั้งในตลาดสด ห้างสรรพสินค้า รวมถึงราคาอาหาร ซึ่งจะดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9-30 ก.ย. 2558 รวม 3 สัปดาห์ ก่อนที่จะมาสรุปผลว่าสถานการณ์ราคาสินค้าในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างไร และจะได้จัดทำมาตรการเข้าไปดูแลต่อไป
นางอภิรดีกล่าวว่า การดูแลค่าครองชีพให้แก่ประชาชนนับจากนี้ไป กระทรวงฯ จะเน้นการจัดธงฟ้าเคลื่อนที่ (โมบายล์ยูนิต) นำสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพเข้าไปช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยในพื้นที่ชุมชนขนาดเล็ก ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แต่จะดำเนินการไม่ให้กระทบต่อร้านค้ารายย่อย การร่วมมือกับร้านค้าสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า (สกต.) ซึ่งเป็นร้านค้าของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำสินค้าจากผู้ผลิตไปจำหน่ายในราคาถูกใน 35 จังหวัด รวม 257 ร้านค้า และการจำหน่ายข้าวถุงเพื่อชุมชน ซึ่งได้เปิดตัวไปแล้ว และหากได้รับการตอบรับที่ดีก็จะดำเนินการเพิ่มกำลังการผลิตอีก
ส่วนการดูแลอาหารปรุงสำเร็จ จะเน้นการเพิ่มร้าน “หนูณิชย์พาชิม” ที่จำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จราคา 25-35 บาทให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีแล้ว 3,245 ร้านค้าทั่วประเทศ และร่วมมือกับห้างค้าส่งค้าปลีกสมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า จัดมุมจำหน่ายอาหารราคาถูก โดยจะมีป้ายหนูณิชย์พาชิมไปติดไว้ชัดเจนเพื่อให้ผู้บริโภคเห็นได้ชัด และเข้าไปใช้บริการ
นอกจากนี้ จะเร่งผลักดันตลาดกลางและตลาดชุมชนทั่วประเทศเพื่อจัดให้มีพื้นที่รวบรวมสินค้าคุณภาพดี ราคาถูกมาจำหน่ายให้แก่ประชาชนโดยตรง โดยตัดพ่อค้าคนกลางออกไป การส่งเสริมให้มีฟาร์ม เอาต์เลต เพื่อให้เกษตรกรมีที่จำหน่ายสินค้า ซึ่งขณะนี้ได้เปิดแล้ว 24 จังหวัดทั่วประเทศ
นางอภิรดีกล่าวว่า กระทรวงฯ จะเปิดแอปพลิเคชัน “ลายแทงของถูก” เพื่อแสดงให้เห็นว่าขณะนี้มีห้างสรรพสินค้า ห้างค้าส่งค้าปลีก และร้านค้าใดกำลังลดราคา หรือสามารถเปรียบเทียบราคาได้ว่าร้านไหนขายของถูกกว่ากัน สามารถตรวจสอบราคาสินค้าในแต่ละพื้นที่ได้ และกำลังพัฒนานำร้านโลว์คอสต์สโตร์ที่จำหน่ายสินค้าราคาถูก ร้านหนูณิชย์พาชิม มาใส่ไว้ในแอปฯ เพื่อให้ประชาชนได้ตรวจสอบก่อนไปใช้บริการด้วย
สำหรับโครงการสำคัญอื่นๆ ที่จะนำมาช่วยดูแลด้านค่าครองชีพ จะมุ่งเน้นการสร้างผู้บริโภครุ่นใหม่ “ฉลาดซื้อ ประหยัดใช้” โดยจะกระตุ้นให้มีการตรวจสอบราคาสินค้า เปรียบเทียบราคา และคิดก่อนที่จะซื้อสินค้า เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ของตัวผู้บริโภค และจะเร่งสร้างเครือข่ายเพื่อติดตามตรวจสอบราคาสินค้าผ่านเครือข่ายประชาชน “อาสาพาณิชย์” ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้ติดตามและรายงานความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าให้กระทรวงพาณิชย์รับทราบ