“ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป” สบช่องธุรกิจอี-คอมเมิร์ซโตต่อเนื่องปีละ 20% เปิดบริการรับส่งสินค้าออนไลน์และพัสดุบนสถานีรถไฟฟ้า เร่งพัฒนาแอปฯ ก่อนเปิดเว็บไซต์เอื้อธุรกิจเอสเอ็มอีใช้เป็นช่องทางจำหน่ายสินค้าออนไลน์ ตั้งเป้าเปิดแฟรนไชส์ขยาย 100 สาขาในปี 59 ก่อนแต่งตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 60 พร้อมจับมือ “เอคอมเมิร์ซ” รุกตลาดเออีซี
นายอภิพัฒน์ เลิศฤทธิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับเบิ้ลยูพี กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ใช้เงินทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเมื่อปี 2556 และมีการลงทุนภายในต่อเนื่องประมาณ 5 ล้านบาท ในการดำเนินธุรกิจ “สกายบ็อกซ์” (SKYBOX) ซึ่งเป็นบริการจัดส่งพัสดุรูปแบบใหม่ภายในสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานีอื่นๆ ภายในวันเดียว รวมถึงบริการรับ-คืนสินค้าที่ชอปปิ้งผ่านร้านค้าออนไลน์ ตลอดจนจัดส่งพัสดุภายนอกระบบจากสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสไปยังสถานที่อื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมให้บริการแบบครบวงจร (One Stop Service) เช่น ชำระค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบัตรเครดิต ค่าโทรศัพท์ และอื่นๆ
นับตั้งแต่เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 จนปัจจุบันได้ตั้งจุดให้บริการ “สกายบ็อกซ์” บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสรวมทั้งสิ้น 6 สถานี ได้แก่ หมอชิต, อารีย์, อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ, ทองหล่อ, สนามกีฬาแห่งชาติ และช่องนนทรี เปิดให้บริการวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00-21.00 น. และวันเสาร์เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ส่วนวันอาทิตย์ปิดทำการ ยกเว้นสถานีหมอชิตเปิดให้บริการทุกวัน โดยให้บริการ Cash on Deliver (COD) ซึ่งผู้ใช้บริการสามารถชำระเงินเมื่อรับของทั้งในลักษณะองค์กรกับผู้บริโภค (B2C) ด้วยสัดส่วน 40% และผู้บริโภคกับผู้บริโภค (C2C) ด้วยสัดส่วน 60% โดยที่ผ่านมามีอัตราการให้บริการเติบโตสูงกว่า 50% ต่อเดือน
จุดเด่นของ “สกายบ็อกซ์” คือการให้บริการที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตกลุ่มเป้าหมายหลักคือกลุ่มวัยทำงานที่มีอัตราการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นหลัก รวมถึงคนเมืองยุคใหม่ กลุ่มภายใต้แนวคิด “ชอปง่าย รับสบาย” (Click and Collect) โดยให้บริการในราคาที่ถูกกว่าการส่งถึงบ้าน สามารถรับสินค้าได้เร็วและแน่นอน หรือเมื่อซื้อสินค้าก่อนเที่ยงวัน สามารถรับสินค้าได้เที่ยงวันถัดไป ลดความเสียหายและลดความสูญหายของตัวสินค้า สามารถคืนสินค้าได้ทันที มีบริการจ่ายเงินเมื่อรับสินค้า มีช่องทางการรับสินค้าชัดเจน เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยอยู่บ้าน รวมทั้งผู้ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดและต่างประเทศ โดยผู้ซื้อสามารถมาเลือกรับสินค้าเมื่อใดก็ได้ ไม่มีพัสดุตีกลับเมื่อไม่มีผู้รับสินค้า เพราะ “สกายบ็อกซ์” จะทำหน้าที่เก็บสินค้าให้ผู้ใช้บริการ
นายอภิพัฒน์กล่าวด้วยว่า จากจำนวนการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ง่ายขึ้น รวมถึงระบบชำระเงินออนไลน์ที่พัฒนาไปอย่างมาก นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 20% ต่อปี โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการธุรกิจอี-คอมเมิร์ซผ่านช่องทางต่างๆ เช่น โซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ และออนไลน์ ประมาณ 5 แสนราย มีคนไทยซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่า 23 ล้านคน โดยคาดว่าในปี 2558 มูลค่าตลาดรวมธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในส่วนการซื้อขายตรงไปยังผู้บริโภคจะมีมูลค่าประมาณ 1.82 แสนล้านบาท
“ปัจจุบัน สกายบ็อกซ์ มีการเชื่อมโยงธุรกิจและการให้บริการกับเว็บไซต์ชอปปิ้งออนไลน์แล้ว เช่น alibaba, amazon, lazada, luxora และอื่นๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าสกายบ็อกซ์จะเป็นจุดรับสินค้าของทุกเว็บอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยภายในสิ้นปี 2558 นอกจากนั้น ภายใน 3 เดือนนับจากนี้บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาแอปพลิเคชันเพื่อช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีมีช่องทางจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดเว็บไซต์ www.attskybox.com ให้ผู้ประกอบการสามารถจองพื้นที่หน้าร้านออนไลน์ประมาณ 1 พันราย โดยไม่จำกัดประเภทสินค้าและบริการ โดยบริษัทฯ จะมีระบบการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์และผู้ใช้บริการ”
ล่าสุด บริษัทฯ ร่วมมือกับ บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด ผู้นำด้านการจัดการการขนส่งสินค้าของประเทศไทย เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ “สกายบ็อกซ์” ในการนำเสนอบริการการขนส่งสินค้า การขนส่งด่วน ระบบด้านอี-คอมเมิร์ซ และระบบบันทึกและจัดการข้อมูลที่มีความปลอดภัย โดยตั้งเป้าหมายว่าในปี 2559 จะมีจุดให้บริการครบทุกจุดบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส และขยายสาขาเป็นแฟรนไชส์ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรกของปี 2559 ให้กระจายครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย 100 สาขา ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ SET ในปี 2560
“บริษัทฯ ยังมีแผนขยายธุรกิจสู่กลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้ 50 สาขา โดยในเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินงานในประเทศที่ บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด ให้บริการอยู่แล้ว ได้แก่ สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ขณะที่ประเทศที่มีความน่าสนใจรองลงมาคือกัมพูชา และมาเลเซีย” นายอภิพัฒน์กล่าวในตอนท้าย
ด้าน นายกริช ศรีวรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำประเทศไทย บริษัท เอคอมเมิร์ซ จำกัด กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ เล็งเห็นว่า “สกายบ็อกซ์” มีเป้าหมายในการแก้ปัญหาระบบด้านการรับ-ส่งสินค้าของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ โดยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 6 แสนคนที่ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสทุกวัน รวมถึงมีส่วนช่วยผู้ดำเนินธุรกิจรายย่อยสามารถส่งสินค้าให้ผู้บริโภคในราคาที่ย่อมเยาอีก
สำหรับทิศทางธุรกิจอี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยในปัจจุบันถือว่ามีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปี และคาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนเป็น 2% ของทั้งตลาดค้าปลีกภายในสิ้นปี 2558 เนื่องจากคนไทยมีการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างแพร่หลาย โดย 50% ของตลาดอี-คอมเมิร์ซอยู่บนโทรศัพท์มือถือซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับการเติบโต เนื่องจากผู้บริโภคไทยใช้เวลาบนสื่อออนไลน์มากกว่าใช้เวลาบนสื่ออื่นๆ เป็นจำนวนกว่า 40 ล้านคน โดยขณะนี้มีผู้บริโภคมากกว่า 20 ล้านคนที่ซื้อสินค้าออนไลน์ และ 30% ของจำนวนนั้นซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ต่างชาติ เพราะผู้บริโภคบางคนไม่สามารถหาซื้อสินค้าตามที่ตัวเองอยากได้ในประเทศไทย