สภาธุรกิจไทย-จีนเปิดเวทีสร้างเครือข่ายธุรกิจการค้าและการลงทุน มั่นใจจีนยังคงมองไทยเป็นเป้าหมายการลงทุนแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัว เหตุอนาคตรถไฟฟ้าไทยจะเชื่อมถึงกันซึ่งจะเป็นการเปิดประตูการค้าที่มากขึ้น
นายวิกรม กรมดิษฐ์ รองประธานสภาธุรกิจไทย-จีน กล่าวในงานสัมมนาการสร้างเครือข่ายธุรกิจ การค้าและการลงทุน ไทย-จีน ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในช่วงนี้ถือว่ามีผลกระทบในระดับหนึ่งต่อประเทศไทย ด้วยเหตุที่การชะลอตัวของคำสั่งซื้อทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม จีนถือว่ายังเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ขณะนี้สภาหอการค้าจีนคาดว่าจีดีพีของจีนจะอยู่ที่ 7% ถือว่าเป็นการเติบโตที่ชะลอตัว แต่ด้วยเป้าหมายของจีนในปัจจุบันยังคงให้นักลงทุนเน้นไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ซึ่งไทยถือเป็นอันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางด้านลอจิสติกส์ ประกอบกับไทยยังคงเป็นประเทศเป้าหมายหลักในการเข้ามาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน
สำหรับการทำงาน สภาธุรกิจไทย-จีนยังคงให้การส่งเสริมส่งเสริมการเข้ามามาลงทุนในไทยและภูมิภาคอาเซียนมากขึ้น ซึ่งมั่นใจว่าการลงทุนทั้งสองประเทศ มีโอกาสเติบโตในอนาคตมากขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนของนักลงทุนไทยที่จะเข้าไป หากเป็นธุรกิจที่ใช้แรงงานมากยังไม่ควรไปในช่วงนี้ แต่ที่จะมีโอกาสและน่าลงทุน คือ ธุรกิจบริการ เช่น ร้านอาหารไทย เพราะมีรสชาติเป็นที่นิยมของคนจีน
ส่วนการปรับลดค่าเงินหยวนของจีนในช่วงนี้ไม่น่าส่งผลกระทบต่อไทยมากนัก ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการไทยควรปรับตัวอย่างไร เพราะค่าเงินบาทของไทยก็มีการปรับตัวอ่อนค่าลงเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้ว ไม่น่าจะมีส่วนต่างของค่าเงินมากนัก ปัจจุบันการทำการค้าระหว่างไทย-จีนก็ไม่ได้ใช้สกุลดอลลาร์แล้วจึงไม่น่าจะทำให้มีต้นทุนของค่าเงินที่เพิ่มขึ้น
นายวิกรมกล่าวว่า ความร่วมมือด้านการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะการสร้างรถไฟความเร็วสูงจากประเทศไทยไปยังจีนซึ่งมีแผนการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนตุลาคม ปี 2561 นอกจากจากจะเชื่อมต่อการค้าการลงทุนไปยังประเทศจีนแล้วยังมีเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยังประเทศสิงคโปร์ และอินโดนีเซีย นับว่าเป็นการขยายการลงทุนเพิ่มได้มากกว่าเดิม
