ปตท.ชี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง สะท้อนจากความวิตกปัญหาเศรษฐกิจจีนและปริมาณน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากอิหร่านในอนาคต มั่นใจเศรษฐกิจโลกยังเข้มแข็งเมื่อเทียบจากปีวิกฤตซับไพรม์ ส่วนปีนี้ ปตท.มั่นใจกำไรดีกว่าปีที่แล้วแน่นอน เหตุมาร์จินการกลั่นดี คาดครึ่งปีหลังกำไรยังดี ดันทั้งปี 58 กำไรฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 57 ที่มีกำไรเพียง 5.78 หมื่นล้านบาท
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ระดับ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล สะท้อนให้เห็นการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น และความวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนและปริมาณน้ำมันดิบอิหร่านที่จะผลิตเข้าสู่ตลาด 2 ล้านบาร์เรล/วันหลังบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ ยกเลิกการแซงชั่นจากนานาประเทศ ทำให้กดดันราคาน้ำมันดิบปรับลดต่ำลง แม้ว่าคาบสมุทรเกาหลีมีความขัดแย้งกันมีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่สงครามเต็มรูปแบบได้ ก็ยังไม่มีผลทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแต่อย่างใด
ส่วนที่มีความวิตกกังวลว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวลงมาที่ระดับ 30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลนั้น คาดเดาไม่ได้ แต่สถานการณ์ราคาน้ำมันในขณะนี้ต่างจากปี 2551 ที่เกิดวิกฤตซับไพรม์ ซึ่งปีนี้เศรษฐกิจไม่ได้พังเหมือนปี 2551 แม้ว่าเศรษฐกิจีนชะลอตัวลง แต่รัฐบาลกลางจีนมีอำนาจสั่งการแก้ปัญหาได้ดีกว่า บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีความเข้มแข็งกว่า อีกทั้งราคาน้ำมันในไทยจะอิงตลาดดูไบเป็นหลัก ไม่ใช่ตลาด WTI ซึ่งปัจจุบันน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 46 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ยังเป็นระดับที่สูงอยู่ เมื่อเทียบกับเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบต่ำสุดที่ 42 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้นคงต้องจับตาดูต่อไปเนื่องจากปริมาณการผลิตน้ำมันยังสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี
นายไพรินทร์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าจะมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.78 หมื่นล้านบาท โดยครึ่งปีแรกนี้ ปตท.มีกำไรสุทธิ 4.6 หมื่นล้านบาทแล้ว โดยครึ่งปีหลังนี้ ปตท.มีแผนจะขายหุ้น บริษัท สตาร์ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ที่ถืออยู่ 36% จากการนำ SPRC เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปลายปีนี้ และค่าการกลั่นในช่วงนี้ยังดีอยู่ เนื่องจากราคาต้นทุนราคาน้ำมันปรับลงเร็วกว่าราคาน้ำมันสำเร็จรูปทำให้ค่าการกลั่นสูงขึ้น ดังนั้นหากครึ่งปีหลังนี้ ปตท.ทำกำไรได้ดี มั่นใจว่าปีนี้ ปตท.มีกำไรฟื้นตัวดีขึ้นจากปีก่อนพอสมควร
ส่วนราคาหุ้น ปตท.ที่ปรับตัวลงมาอยู่ระดับ 250 บาท/หุ้น เป็นระดับราคาน้ำมันที่ต่ำมาก เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องการขาดทุนสต๊อกน้ำมันหลังราคาน้ำมันปรับลดลงซึ่งเป็นการตัดบัญชีเพียงครั้งเดียว หากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นก็จะบันทึกเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมัน จึงอยากให้นักลงทุนพิจารณามาร์จินของกลุ่มธุรกิจมากกว่า ซึ่งปัจจุบันมาร์จินการกลั่นยังดีอยู่มาก