“ประจิน” เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน กำชับเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ประสานกำลังตำรวจ ทหารช่วย “ทอท.” ยกระดับมาตรการเป็นระดับ 3 ขั้นสูงสุด เพิ่มความถี่การสุ่มตรวจผู้โดยสารและสัมภาระจาก 10 ต่อ 1 เป็น 5 ต่อ 1 พร้อมตรวจรถทุกคันที่เข้าพื้นที่สนามบิน
วันนี้ (18 ส.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เรียกประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (Video Conference) โดย พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ได้เรียกประชุมหน่วยงานและสั่งการให้เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัย การติดตามตรวจสอบประสานหน่วยข่าว ตำรวจ ทหาร โดยมีข้อห่วงใยเรื่องระบบไอที ระบบไฟฟ้าแสงสว่างที่ต้องมีต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ทั้งระดับผู้บริหาร ฝ่ายปฏิบัติต้องทำงาน 24 ชม.จนกว่าจะมีคำสั่งยกเลิก
ส่วนที่ประชุม ครม.ได้มีการประชุมและสั่งการให้เตรียมความพร้อมทั้งการแก้ปัญหาป้องกันและเยียวยาต่อสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กทม. กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กระทรวงยุติธรรม บูรณาการในประเด็นเยียวยาและงบประมาณที่จัดเตรียม เป็นต้น
ทั้งนี้ เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นจะกระทบความเชื่อมั่นในการลงทุนโครงการขนาดใหญ่หรือไม่นั้น พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า แยกเป็นการทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารงานชองรัฐบาล ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากระทบ ส่วนการท่องเที่ยว กระทบเช่นกัน เพราะมีหลายประเทศประกาศเตือนประชาชนของตนเอง อย่างน้อย 10 ประเทศ ส่วนเรื่องอื่นๆ รวมถึงเรื่องความเชื่อมั่นในการลงทุน จะต้องดูในระยะต่อไป ซึ่งนายกฯ ได้เตรียมวางแผนรองรับทั้งในเรื่องผลกระทบต่อความมั่นคง ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นด้านต่างๆ ซึ่งงานของกระทรวงคมนาคมจะต้องมาเตรียมการรองรับเพื่อให้เกิดความเข้มข้นในการทำงานต่อไป
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ทุกหน่วยให้บริการขนส่งสาธารณะ ทั้งสนามบิน รถ บขส. สถานีรถไฟ ท่าเรือ สถานีรถไฟฟ้า โดย 1. เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวังด้านรักษาความปลอดภัยซึ่งบางที่ได้ขอกำลังทหาร ตำรวจ ช่วยเสริม เช่น ที่สถานีขนส่ง บขส. เป็นต้น 2. ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา กรณีที่มีวัตถุต้องสงสัยหรือสิ่งแปลกปลอมให้รีบแจ้งภาครัฐ 3. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกรณีที่มีเหตุการณ์ เพื่อให้การเข้าถึงพื้นที่และดูแลช่วยเหลือได้ทันที 4. การเฝ้าระวังโดยเฉพาะกล้อง CCTV ต้องมีความพร้อมเสมอในการติดตามสถานการณ์ ซึ่งขณะนี้ให้ความสำคัญในทุกจุด
ด้านบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. แจ้งว่า ทอท.ได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งในกำกับดูแล ขึ้นเป็นระดับ 3 ซึ่งมีดังนี้ 1. มาตรการเชิงป้องกันจะเพิ่มความเข้มงวดในการปฏิบัติงาน โดยเพิ่มการสุ่มตรวจผู้โดยสารและสัมภาระ 1:10 คน และ 1:10 ใบ เป็น 1:5 คน 1:5 ใบ, ยานพาหนะเข้าพื้นที่หวงห้ามตรวจ 100% 2. งดการออกบัตร รปภ.ชนิดชั่วคราวสำหรับทุกภารกิจ ยกเว้นได้รับสั่งการจากผู้อำนวยการท่าฯ ที่รับผิดชอบ 3. เตรียมพร้อมทีมงานของ ทอท.ที่มีความรู้ความชำนาญเรื่อง รปภ.ท่าอากาศยานเพื่อปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก รวมทั้งเตรียมพื้นที่ สถานที่ทำงานให้พร้อมใช้งาน
4. เข้มงวดการ รปภ.พื้นที่สาธารณะ เช่น การห้ามจอดรถในพื้นที่เสี่ยง เป็นต้น 5. เตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินท่าอากาศยาน รวมทั้งประสานงานแบบบูรณาการ เพื่อให้มีความพร้อมในการตอบโต้ตามแผนฯ ตลอด 24 ชม.
ส่วนมาตรการเชิงรุกนั้น จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์เพื่อขอความร่วมมือให้พนักงานที่ปฏิบัติงาน ณ ท่าอากาศยาน ผู้มาใช้บริการและบุคคลทั่วไป ช่วยเฝ้าสังเกตบุคคล วัตถุต้องสงสัย หากพบเห็นให้แจ้งหน่วยงาน รปภ.ของท่าอากาศยานทันที ทั้งทางโทรศัพท์และโดนตรงต่อพนักงาน รปภ. ประเมินความเสี่ยงด้านการ รปภ.เป็นระยะๆอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์และข่าวกรอง
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยของผู้โดยสาร ผู้ปฏิบัติงาน และผู้มาใช้บริการ ณ ท่าอากาศยานเป็นสำคัญ ซึ่งขอความร่วมมือประชาชนในการเป็นส่วนร่วมในการรักษาความปลอดภัย ณ ท่าอากาศยาน โดยหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัย หรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณนั้นทันที หรือแจ้งศูนย์รักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยานที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้
1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หมายเลขโทรศัพท์ 0-2132-4000
2. ท่าอากาศยานดอนเมือง หมายเลขโทรศัพท์ 0-2535-1616
3. ท่าอากาศยานภูเก็ต หมายเลขโทรศัพท์ 0-7635-1009
4. ท่าอากาศยานหาดใหญ่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-7422-7135
5. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ หมายเลขโทรศัพท์ 0-5392-2205-6
6. ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย หมายเลขโทรศัพท์ 0-5379-8180