บ้านปูมั่นใจสิ้นปีสรุปความชัดเจนโครงการนำร่อง Coal to Chemicals ที่มองโกเลียว่าจะพัฒนาเชิงพาณิชย์ได้หรือไม่ หลังราคาน้ำมันต่ำกดดันผลตอบแทนการลงทุน ส่วนโครงการพัฒนา Coal to Liquid-Gas อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้โครงการ เผยโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนสูงจำเป็นต้องหาพันธมิตรร่วมทุน
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนโครงการเหมืองถ่านหินที่มองโกเลียว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการลงทุนโครงการนำร่องใช้ถ่านหินผลิตเป็นเคมี (Coal to Chemicals) แล้ว อยู่ระหว่างการประเมินปริมาณโคลทาร์ที่ได้จากการผลิตมีปริมาณสม่ำเสมอมากน้อยเพียงใด รวมทั้งความต้องการของตลาดในจีน เนื่องจากโคลทาร์ที่ผลิตได้นั้นจีนมีความต้องการเพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันดีเซลต่อไป คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีความชัดเจนในโครงการดังกล่าว
หากพบว่าโครงการนี้มีความคุ้มทุนก็จะตั้งโรงงานผลิตเชิงพาณิชย์ โดยเบื้องต้นจะใช้เงินลงทุนไม่สูงมาก ทำให้บ้านปูจะถือหุ้นในโครงการดังกล่าวทั้ง 100% โดยผลิตภัณฑ์โคลทาร์ที่ผลิตได้จากโรงงานจะส่งขายไปยังประเทศจีน ซึ่งราคาขายสูงกว่าราคาถ่านหินเกิน 100% แต่จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงยอมรับว่ามีผลกดดันให้ผลตอบแทนการลงทุนโครงการลดต่ำไปด้วย ซึ่งการตัดสินใจลงทุนเชิงพาณิชย์ต้องมีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ไม่ต่ำกว่า 15%
ส่วนเหมืองอุนสท์ ฮูดะ ที่มองโกเลียนั้น อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการ Coal to Liquid และ Coal to Gas โดยโครงการดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนสูง คงต้องหาพันธมิตรร่วมทุนเข้ามาพัฒนาโครงการดังกล่าวร่วมกัน เบื้องต้นคาดว่าผลการศึกษาจะมีความชัดเจนในปีหน้า หากเหมาะสมเชิงพาณิชย์ก็จะหาพันธมิตรร่วมทุนต่อไป รวมทั้งรอภาวะตลาดน้ำมันโลกปรับตัวดีขึ้นจึงคุ้มที่จะลงทุน โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบต้องไม่ต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โครงการดังกล่าวจะมีความคุ้มค่าต่อการลงทุน
นางสมฤดีกล่าวต่อไปว่า การปรับลดค่าเงินหยวนส่งผลกระทบต่อการนำเข้าถ่านหินไปจีน คาดว่าปีนี้จีนลดการนำเข้าลง 40 ล้านตันเมื่อเทียบจากปีก่อน ซึ่งถ่านหินที่จีนลดการนำเข้านั้นเป็นถ่านหินคุณภาพต่ำ แต่ถ่านหินบ้านปูที่ส่งไปจำหน่ายในจีนเป็นถ่านหินคุณภาพปานกลางและคุณภาพสูง จึงได้รับผลกระทบน้อยกว่า
นอกจากนี้ การนำเข้าถ่านหินในประเทศอื่น เช่น เกาหลี ญี่ปุ่น และอินเดีย พบว่าปริมาณการนำเข้าไม่ได้ลดลงเลย ดังนั้นเป้าหมายการขายถ่านหิน 25 ล้านตันในครึ่งปีหลังนี้ของบริษัทนั้นจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนในเรื่องราคาเพราะได้มีการขายถ่านหินไปล่วงหน้าเกินกว่า 90% แล้ว ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ก็พยายามที่จะลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำที่สุด โดยอาศัยช่วงจังหวะราคาน้ำมันถูกก็จะทำสัญญาซื้อน้ำมันล่วงหน้าไว้ใช้เป็นเชื้อเพลิงในเหมืองถ่านหินในปีถัดไป
นอกจากนี้ บ้านปูยังคงแสวงหาโอกาสการลงทุนซื้อเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเพิ่มเติม โดยยอมรับว่ายังไม่มีข้อสรุปในเร็ววันนี้เนื่องจากเจ้าของเหมืองถ่านหินเองต้องการขายเหมืองในราคาที่สูง ดังนั้นบ้านปูจึงหันมาลงทุนธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มเติมโดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้มีการลงทุนโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น 39 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการหาโอกาสลงทุนเพิ่มเติม รวมทั้งเข้าประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินที่อินโดนีเซียด้วย ขณะเดียวกันก็มองโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าในลาว เวียดนาม และกัมพูชา ขณะที่ไทยก็มองโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน และหากรัฐเปิดประมูลโรงไฟฟ้าไอพีพีก็พร้อมที่จะยื่นเข้าประมูลด้วย
ทั้งนี้ บ้านปูมีแผนนำบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยปลายปีนี้จะยื่นไฟลิ่ง และคาดว่าปีหน้าจะเสนอขายหุ้นให้ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ส่วนจะเป็นช่วงเวลาใดขึ้นอยู่กับภาวะตลาดหุ้นด้วย