“ดันน์ฮัมบี้” รุกสื่อออนไลน์ โหม “ค้าปลีก-โรงหนัง”

ASTVผู้จัดการรายวัน - “การตลาด ณ จุดขาย” ด่านสำคัญดูดกำลังซื้อดีสุด “ดันน์ฮัมบี้” ชี้ทำสื่ออินสโตร์ช่วยลูกค้าใน “เทสโก้ โลตัส” เพิ่มยอดขายพุ่ง พร้อมปล่อยอีก 2 บริการใหม่รองรับแบบครบวงจร เผยแผนสองเตรียมเจาะลูกค้ากลุ่มค้าปลีกและบิ๊กโรงภาพยนตร์เพิ่มในปีหน้า เชื่อดันสื่ออินสโตร์โต 2 เท่าทุกปี และดันสื่อในโรงภาพยนตร์พุ่งอีกเท่าตัว

นายเจมส์ เมอร์ริตต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ดันน์ฮัมบี้ จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เข้ามาดูแลพื้นที่โฆษณา ณ จุดขายให้ “เทสโก้ โลตัส” ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา พบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยเน้นความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทฯ ได้เพิ่มทีมงานดีไซน์เพื่อพัฒนาสื่อโฆษณาใหม่ๆ พร้อมด้วยการวางแผนและมีการประมวลผล วัดผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในครึ่งปีหลังจะมีบริการใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก 2 ตัว คือ 1. ขยายพื้นที่การให้บริการนอกพื้นที่ขอบเขตการขายภายใต้พื้นที่ “เทสโก้ โลตัส” และ 2. Sociomatic การทำโฆษณาผ่านช่องทางออนไลน์ทุกรูปแบบ คาดว่าน่าจะเริ่มได้ปลายปีนี้ และน่าจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้โตขึ้น 3 เท่า เช่นเดียวกับรายได้ครึ่งปีแรกที่โตขึ้น 3 เท่าเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อนและมีกำไรเพิ่มขึ้น 75%

“การเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการโฆษณาในสื่ออินสโตร์ที่หลากหลายมากขึ้น จากเดิมที่ดูแลพื้นที่โฆษณาทั้งหมดให้ เทสโก้ โลตัส แล้ว แผนต่อไปในปีหน้ายังเตรียมที่จะเข้าไปดูแลพื้นที่โฆษณาสื่ออินสโตร์ให้กับทางห้างค้าปลีกรายอื่นๆ ด้วย รวมถึงการเป็นพาร์ตเนอร์กับทางแบรนด์ใหญ่ในกลุ่มโรงภาพยนตร์เพื่อต่อยอดการบริหารพื้นที่โฆษณาภายในบริเวณโรงภาพยนตร์ต่อไปด้วย” นายเจมส์ เมอร์ริตต์ กล่าว

ด้าน นายธีรเดช ดำรงค์พลาสิทธิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส สื่อโฆษณาคอนเนกต์มีเดีย บริษัท ดันน์ฮัมบี้ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การเข้ามาดูแลพื้นที่โฆษณา ณ จุดขายให้สินค้าและบริการภายใน “เทสโก้ โลตัส” ตลอดครึ่งปีแรกที่ผ่านมาพบว่าช่วยลดช่องว่างระหว่างการทำโฆษณาผ่านสื่อหลักและการจัดการตลาดผ่านสื่อรอง โดยเจาะจงไปที่ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่ตัดสินใจซื้อสินค้า ณ จุดขายได้มากขึ้น

ผลสำรวจพบว่าสินค้าที่มีการทำโฆษณาผ่านสื่อวิทยุ ณ จุดขาย ทำให้มียอดขายสูงขึ้น มาจากกลุ่มที่ไม่เคยใช้ 55% ลูกค้าใหม่ที่ไม่เคยซื้อใน “เทสโก้ โลตัส” 8% และเปลี่ยนจากแบรนด์อื่นอีก 37% หรือทุกๆ 20 ตะกร้าจะมีสินค้าดังกล่าว 1 ชิ้น จากปกติอยู่ที่ 1 ชิ้นต่อ 100 ตะกร้า ขณะเดียวกันเมื่อเทียบความคุ้มค่าในการใช้บริการแล้วเฉลี่ยค่า CPM จาก 1,000 คน อยู่ที่ 8 บาทต่อคน ถือเป็นสื่อโฆษณาที่ถูกที่สุดเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆ

ส่วนแผนการทำโฆษณานอกพื้นที่ขอบเขตการขายภายใต้เทสโก้ โลตัส ได้เริ่มไปแล้วอย่างเต็มรูปแบบที่สาขาพระราม 4 และขยายการให้บริการได้กว่า 170 สาขาของ “เทสโก้ โลตัส” ทั้งในรูปแบบไฮเปอร์มาร์เกตและเอ็กซ์ตรา รวมถึงสาขาใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยพบว่าการใช้สื่อดังกล่าวทำให้คนมาเดินเพิ่มขึ้น 15% ซื้อของมากขึ้น 10.7% และซื้อสินค้าที่ทำการโฆษณาเพิ่มขึ้น 27.2% รวมถึงเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้สินค้านั้นอีก 40% ทั้งนี้ ยังพบว่ากลุ่มสินค้าที่มีการทำโฆษณา ณ จุดขายและพื้นที่ภายนอกมากสุดคือ 1. สินค้าเพื่อความงาม 2. อุปโภคบริโภค 3. ออโตโมทีฟ และ 4. อสังหาริมทรัพย์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า “นีลเส็น คอมปะนี” จะมีผลสำรวจออกมาว่าครึ่งปีแรกสื่ออินสโตร์ มีมูลค่าเพียง 447 ล้านบาท ติดลบ 43% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไม่มีการเก็บตัวเลขจาก “เทสโก้ โลตัส” และ “บิ๊กซี” เข้าไป ซึ่งหากรวมตัวเลขจาก “เทสโก้ โลตัส” เข้าไปแล้วมูลค่าสื่ออินสโตร์จะมีการเติบโตถึง 33% และหากรวมของ “บิ๊กซี” ด้วยเชื่อว่าจะมีการเติบโตเกือบถึง 50% ซึ่งถือเป็นสื่อโฆษณาที่มีอัตราการเติบโตมากสุด หากไม่นับสื่อทีวีดิจิตอล

นายธีรเดชกล่าวต่อว่า หากสื่ออินสโตร์มีการทำโฆษณาอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2559 เป็นต้นไป เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวต่อเนื่องทุกปี ส่วนสื่อในโรงภาพยนตร์หากได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ทำงานร่วมกันน่าจะทำให้เม็ดเงินโฆษณาในสื่อโรงภาพยนตร์โตขึ้นอีกเท่าตัว จาก 6 เดือนแรกที่ผ่านมามีมูลค่า 2,243 ล้านบาท เติบโต 20.33%