xs
xsm
sm
md
lg

[ชมคลิป] “สปริงนิวส์” พลิกเกมข่าว ดึงนักศึกษาร่วมไล่บี้ “เนชั่น”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

“วทันยา วงษ์โอภาสี” (ขวา) รองประธานกรรมการบริหารด้านธุรกิจองค์กร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริงส์นิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ “พัชระ สารพิมพา” (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักข่าวสปริงนิวส์
ASTVผู้จัดการรายวัน - “สปริงนิวส์” ท้ารบสถานีข่าวดิจิตอล ปรับผังรายการใหม่ เพิ่มข่าว “กลางชั่วโมง” 7 รายการ หวังเพิ่มเรตติ้งจากอันดับสามสู่อันดับหนึ่งในปี 58 เทงบการตลาด 20 ล้านบาทจัดโรดโชว์ตามมหาวิทยาลัย ดึงนักศึกษามีส่วนร่วมผลิตรายการข่าว คาดสิ้นปีทำรายได้แตะ 200 ล้านบาท

นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี รองประธานกรรมการบริหารด้านธุรกิจองค์กร และรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท สปริงส์นิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 58 เป็นต้นไปบริษัทฯ จะเริ่มปรับผังรายการใหม่ในลักษณะ “ข่าวกลางชั่วโมง” โดยเพิ่มรายการข่าวช่วงบ่ายตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. จำนวน 7 รายการ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและรองรับการแข่งขันที่รุนแรงในช่วงไพรม์ไทม์

หลังจากที่บริษัทฯ ดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ “สปริงนิวส์ ดิจิทัลช่อง 19” มาตั้งแต่วันที่ 19 มิ.ย. 58 โดยล่าสุดถือเป็นสถานีข่าวอันดับ 3 ด้วยเรตติ้ง 0.06-0.063 เป็นรอง “ช่อง Nation TV” ที่มีเรตติ้ง 0.067-0.068 และอันดับหนึ่งคือช่อง “TNN” ที่มีเรตติ้ง 0.07 โดยมีเป้าหมายเป็นสถานีข่าวทางเลือกให้ผู้ชม พร้อมก้าวขึ้นสู่อันดับหนึ่งภายในปี 2558

ปัจจุบันผู้ชมโทรทัศน์เริ่มมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการชมจากการชมแบบครบวงจรทั้งรายการข่าว บันเทิง วาไรตี ละคร และอื่นๆ มาเป็นการรับชมเฉพาะทางมากขึ้น แต่ปัญหาหนึ่งที่ยังคงเกิดขึ้นในวงการโทรทัศน์ดิจิตอลคือ ผู้ชมยังจำชื่อสถานี ชื่อรายการ และเลขช่องไม่ได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าจำนวนสถานีโทรทัศน์ที่เหมาะสมควรมีประมาณ 7-12 ช่อง จากที่มี 24 ช่องในปัจจุบัน

“บริษัทฯ มีจำนวน Eye Ball จากฐานผู้ชมโทรทัศน์ดิจิตอลและดาวเทียมประมาณ 17 ล้านครัวเรือน รวมถึงรับชมผ่านบนรถไฟฟ้า BTS ประมาณ 9 แสนคนต่อวัน ขณะเดียวกันยังมีการเพิ่มจำนวนติดตั้งตามอาคารสำนักงานต่างๆ ในกรุงเทพฯ จากเดิม 74 อาคาร เป็น 103 อาคาร โดยผู้ชมส่วนใหญ่เป็นวัยกลางคนและผู้สูงวัย มีระดับการศึกษาสูง”

นางสาววทันยากล่าวอีกว่า ภายในเดือน ก.ค.นี้บริษัทฯ จะเริ่มมีการต่อยอดเครือข่ายเชื่อมโยงกับวิทยุประมาณ 2-3 คลื่น หลังจากที่ชะลอโครงการมาตั้งแต่ปี 2557 นอกจากนั้นยังจะร่วมมือกับบริษัท เจเอสแอลฯ ในการผลิตรายการข่าวเพิ่มเติม โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีการผลิตรายการเอง 90% และจ้างผลิต 10%

“ในปี 2558 บริษัทฯ ใช้งบประมาณการตลาด 20 ล้านบาทเพื่อจัดโรดโชว์ตามสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาต่างๆ เพื่อเพิ่มกลุ่มผู้ชมเป้าหมายรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสและชักชวนให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการนำเสนอรายการข่าวกับสถานีฯ รวมถึงจัดโครงการเฟ้นหาผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ในพื้นที่ต่างๆ เป็นจำนวน 30% ของจำนวนผู้ประกาศข่าวทั้งหมด”

ในปี 2557 บริษัทฯ สามารถทำรายได้ประมาณ 175 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย ส่วนในปี 2558 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 200 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกที่ผ่านมาสามารถทำรายได้เกินครึ่งหนึ่งของเป้าหมายแล้ว แต่คาดว่าต้องทำงานหนักมากขึ้นในช่วงไตรมาสที่สี่เพราะได้รับผลกระทบจากในช่วงไตรมาสที่สามซึ่งถือเป็นช่วงโลว์ซีซันของสถานีโทรทัศน์

นางสาววทันยากล่าวในตอนท้ายว่า บริษัทฯ ยังมีการลงทุนด้านคอนเทนต์ประมาณ 100 ล้านบาท และลงทุนต่อเนื่องด้านสตูดิโอประมาณ 150 ล้านบาท ขณะที่ยังไม่มีนโยบายการปรับราคาค่าโฆษณาแต่อย่างใด โดยเฉลี่ยยังอยู่ที่ประมาณ 1-1.2 หมื่นบาทต่อนาที โดยรายการ “ปรากฏการณ์ข่าวจริง ภาคเช้า” ทุกเช้าเสาร์-อาทิตย์ และรายการ “สามมุมข่าว” ทุกวันจันทร์-ศุกร์ มีราคาค่าโฆษณาสูงกว่าปกติประมาณ 0.3-0.4%

ด้าน นายพัชระ สารพิมพา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสำนักข่าวสปริงนิวส์ กล่าวว่า การปรับผังรายการใหม่ในครั้งนี้จะก้าวสู่การเป็นสถานีข่าวที่สมบูรณ์มากขึ้น โดยจะขึ้นแผงรายการข่าวใหม่ 7 รายการ ตั้งแต่เวลา 13.00-18.00 น. ได้แก่ ข่าวการศึกษา, ข่าวสิ่งแวดล้อม, ข่าวดีประเทศไทย, ข่าวเหลือเชื่อ, ข่าวสุขภาพ และข่าวบันเทิง ส่วนเวลา 21.00 น. ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่มีผู้ชมโทรทัศน์มากที่สุด สถานีฯ จึงสร้างสรรค์ใหม่ๆ โดยนำเสนอประเด็นข่าวที่น่าสนใจรอบตัวมาต่อยอดเจาะลึกเพื่อเพิ่มอรรถรสทั้งสาระและความสนุกในการรับชมอย่างไม่จำเจ

“รายการข่าวใหม่ที่นำเสนอครั้งนี้ โดยเฉพาะข่าวการศึกษา ข่าวสิ่งแวดล้อม และข่าวดีประเทศไทยนั้น ช่องอื่นๆ อาจไม่ให้ความสนใจเพราะไม่สามารถสร้างเรตติ้งได้มากนัก โดยรายละเอียดข่าวดีประเทศไทยจะนำเสนอเกี่ยวกับคนไทยที่คิดและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ในการพัฒนาประเทศจนประสบความสำเร็จในด้านต่างๆ ส่วนข่าวเหลือเชื่อ ไม่ได้เน้นเรื่องไสยศาสตร์เหมือนรายการอื่นๆ แต่จะเน้นเรื่องราวของผู้ที่มีศักยภาพสูงกว่าคนทั่วไปและเป็นแบบอย่างที่ดีในการนำไปประยุกต์ใช้” นายพัชระกล่าวในที่สุด



กำลังโหลดความคิดเห็น