ผู้จัดการรายวัน 360 - “สปริงนิวส์” ปักธงปี 60 เป็น สื่อ “มัลติ-แพลตฟอร์ม” ครบวงจร หวังกวาดรายได้ก้าวกระโดดเพิ่มขึ้น 200% หลังร่วมเป็นพันธมิตรสถานีข่าวอันดับหนึ่งของโลก CNN เป็นแห่งแรกในเอเชีย พร้อมเตรียมเปิดศึกตลาดสิ่งพิมพ์ แจกฟรีหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ 5 แสนฉบับ ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 59
นายธนาชัย ธีรพัฒนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สปริงนิวส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ดิจิตอล “SPRING NEWS ช่อง 19” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท ซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชั่นแนล คอมเมอร์เชียล ประกาศข้อตกลงความร่วมมือพันธมิตรและให้คำปรึกษา ระหว่าง บริษัท เทอร์เนอร์ บรอดแคสติ้ง ซิสเต็ม เอเชีย แปซิฟฟิค อิงค์ ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ CNN ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับสถานีข่าว “SPRING NEWS ช่อง 19” ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2560 เป็นต้นไป
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สถานีข่าว “สปริงนิวส์” จะออกอากาศรายการและเนื้อหาจากสถานีโทรทัศน์ CNN โดยมีการบรรยายข้อความใต้ภาพเป็นภาษาไทย โดย CNN ยังจะเป็นที่ปรึกษา รวมถึงการจัดการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของ “สปริงส์นิวส์” ขณะที่ CNN จะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลของ “สปริงนิวส์” เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการรายงานข่าวของ CNN ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยความร่วมมือครั้งนี้จะมีการนำเสนอโลโกทั้งของ CNN และ “สปริงนิวส์” ผ่านรายการข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ซึ่งถือเป็นความร่วมมือเป็นแห่งแรกในเอเชีย
CNN ถือเป็นสถานีข่าวอันดับ 1 ที่เข้าถึงผู้ชมมากถึง 425 ล้านครัวเรือนทั่วโลก คิดเป็น 77 ล้านครัวเรือนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก การร่วมมือครั้งนี้จึงเท่ากับเป็นการขยายช่องทางการเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเป้าหมายที่ “สปริงนิวส์” ต้องการคือ กลุ่มคนชั้นกลางอายุ 30 ปีขึ้นไปที่มีความรู้และรายได้ระดับกลาง-สูง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงลูกค้าโฆษณาระดับพรีเมียม เน้นกลุ่มสินค้าประเภทรถยนต์และคอนโดมิเนียมราคาสูง เป็นต้น พร้อมปรับสัดส่วนรายการข่าวในสถานี “สปริงนิวส์” เป็น ข่าว CNN 30% ข่าวเศรษฐกิจ 35% ข่าวการเมือง สังคม และอื่นๆ 35%
นายธนาชัยกล่าวด้วยว่า ในปี 2560 บริษัทฯ พร้อมขึ้นสู่ผู้ดำเนินธุรกิจสื่อ “มัลติ-แพลตฟอร์ม” ครบวงจร ครอบคลุมทั้งวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร สื่อดิจิตอล สื่อ OOH และอื่นๆ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 59 จะเปิดตัวหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ประเภทแจกฟรี ภายใต้ชื่อ BLT พิมพ์ด้วยกระดาษถนอมสายตา ขนาดแท็บลอยด์ 32 หน้า จำนวน 5 แสนฉบับ โดยเน้นจุดแจกตามอาคารสำนักงานเป็นหลัก
“เนื่องจากประเทศไทยเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งถือเป็นช่วงไฮ-ซีซันของธุรกิจสื่อ จึงทำให้ธุรกิจสื่อส่วนใหญ่ไม่สามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่ตั้งไว้ แต่คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นในปี 2560 โดยในส่วนของ สปริงนิวส์ ยังพร้อมสร้างรายได้จากธุรกิจสื่อทุกประเทศ ทำให้คาดว่าจะมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดมากกว่า 200%”