“เวิร์คพอยท์ฯ” มาแรง ปรับขึ้นค่าโฆษณาทีวีดิจิตอลอีก 30% ดันราคาสูงสุด 4 แสนบาท ครึ่งปีหลังเดินเกมรุกเต็มที่ เสริมทัพคอนเทนต์รายการใหม่เพียบ พร้อมรุกหนักช่องทางโซเชียลมีเดียเพิ่มฐานคนดู
นางวิชนี ศรีสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ปรับราคาขายโฆษณาขึ้นอีก 30% เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้ หลังจากที่ช่วงต้นปี 2558 ได้ปรับค่าโฆษณาแล้วประมาณ 50% โดยราคาต่ำสุดเวลานี้คือ 2.5 หมื่นบาท และสูงสุดอยู่ที่รายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ราคาเต็ม 4 แสนบาท
เนื่องจากขณะนี้ “ช่องเวิร์คพอยท์” และรายการต่างๆ ได้รับความนิยมและสามารถเข้าถึงคนดูได้มากขึ้น โดย “ช่องเวิร์คพอยท์” มีเรตติ้งอันดับที่สามแล้ว เป็นรอง “ช่อง 3” และ “ช่อง 7” โดยมีเรตติ้งประมาณ 0.9 หลังจากที่ทำช่องทีวีดิจิตอลมาได้เพียงปีเศษเท่านั้น
“เวิร์คพอยท์ฯ ถือว่าเดินมาถูกทางแล้ว เรามีความชัดเจนว่าเป็นช่องอะไร คือ ช่องวาไรตี และเกมโชว์ เป็นหลัก ทำให้เกิดความชัดเจนกับลูกค้าที่จะลงโฆษณาและที่จะให้เราผลิตรายการแบบแบรนด์คอนเทนต์ให้จำนวนมาก ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการขายล่วงหน้าก่อนตั้งแต่ต้นปี 50% และที่เหลืออีก 50% จะขายตามเรตติ้งตามความต้องการลูกค้าว่าจะเอาแบบใด อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการขายโฆษณาแบบเป็นโควตา และมั่นใจว่าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 1.8 พันล้านบาทตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ส่วนครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 700 กว่าล้านบาท เพราะยังมีปัจจัยลบและเป็นช่วง LOW SEASON ด้วย”
ทั้งนี้ แผนครึ่งปีหลังจะเติมเต็มคอนเทนต์ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยจะมีรายการใหม่ประมาณ 10 กว่ารายการ แยกสัดส่วนเป็นรายการของบริษัทฯ ประมาณ 60% และรายการจากผู้จัดรายอื่น 40% ขณะที่ทั้งผังรายการแล้ว สัดส่วนเป็นรายการของบริษัทฯ แทบจะ 90% และผู้จัดรายอื่น 10% โดยสัดส่วนรายการเป็นแบบเกมโชว์ วาไรตี ประมาณ 70% ที่เหลือเป็นอื่นๆ ซึ่งจากนี้จะมีละครใหม่เพิ่มเข้ามาในผังด้วย
รายการหลักอย่าง “ชิงช้าสวรรค์” จะมีการปรับรูปแบบเป็น “ชิงช้าสวรรค์ ลูกทุ่งโอท็อป” ออกอากาศวันศุกร์ 20.30 น. จากเดิมวันเสาร์ เพื่อขยายฐานกลุ่มแมสด้วย โดยจะให้คนทางบ้านท้องถิ่นเข้าร่วมเล่นในรายการด้วย ขณะที่รายการ “ชิงร้อยชิงล้าน” ก็เพิ่งมีการปรับราคาและเพิ่งออกอากาศไปครั้งแรก เดิมเรตติ้งรายการนี้มี 3 ซึ่งสปอนเซอร์ก็ยังซื้อโฆษณาเหมือนเดิมไม่มีถอนออก
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนรุกตลาดด้วยการขยายช่องทางการเข้าถึงผู้ชมให้มากขึ้นด้วยกลยุทธ์โซเชียลมีเดีย ซึ่งที่ผ่านมามีการใช้บ้างแล้วและได้รับการตอบรับอย่างดี ทำให้สามารถขยายฐานผู้ชมได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุนใหม่ถือเป็นการต่อยอดและได้ผลทั้งรายได้และการประชาสัมพันธ์ เช่น การออกทางยูทิวบ์ มีมากกว่า 300 ล้านวิวแล้ว
ปัจจุบัน “เวิร์คพอยท์ฯ” ติดท็อป 5 ของรายการวาไรตี หรือประมาณ 70-80 ล้านวิวต่อเดือน และยังมีการร่วมมือกับทางไลน์คือ “ไลน์ทีวี” ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาคอนเทนต์คาดว่าปลายปีจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างในการเอาคอนเทนต์ใส่ลงในไลน์ด้วย ขณะที่ตลาดต่างประเทศก็มีการขยายตลาดออกไป โดยที่ผ่านมามีการขยายรายการ “ปริศนาฟ้าแลบ” ให้สหรัฐอเมริกา ส่วนรายการละครซิตคอมก็มีติดต่อเข้ามาให้ประเทศเพื่อนบ้าน รายการ “เดอะ แบน” ขายให้ทางอเมริกาใต้ หรือรายการ “เดอะ เทรนเนอร์” ที่ขายรายการให้พม่าไปออกอากาศ เป็นต้น ทำให้เพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
