“ณรงค์ชัย” เผยหากพบ 3 จังหวัดภาคใต้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันหลังผู้ประกอบการปั๊มปิดบริการประท้วง อบจ.เก็บเงินบำรุงท้องถิ่นเพิ่มอีก 5 สต./ลิตร พร้อมงัดมาตรการให้นายกฯ ใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.แก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงออกคำสั่งบังคับให้เปิดได้ทันที
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กรณีผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ปิดบริการลงเนื่องจากต้องการเรียกร้องให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 3 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ยกเลิกการเรียกเก็บเงินภาษีและค่าธรรมเนียมบำรุงท้องถิ่น อบจ.ลิตรละ 5 สตางค์นั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่ามีการเปิดบริการในบางแห่งแต่ไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร เป็นกระทรวงได้เตรียมพร้อมหากกรณีขาดแคลนน้ำมัน โดยนายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกคำสั่งตามพระราชกำหนด แก้ไขและป้องกันภาวะขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรา 3 ให้ปั๊มเปิดบริการ
“กรณีการขนส่งน้ำมันไม่เหมือนน้ำที่จะทำได้ง่ายกว่า การเปิดปั๊มเป็นวิธีดูแลดีสุดซึ่งได้ประสานไปยัง บมจ.ปตท.ให้เปิดบริการ แต่ ปตท.เองก็แจ้งว่าเจ้าของปั๊มไม่ยอมก็ไปบังคับเขาไม่ได้ แต่ส่วนไหนเปิดได้ก็เปิด อย่างไรก็ตาม กรณี อบจ.จัดเก็บภาษีฯ น้ำมันเข้า อบจ.เพิ่มนั้นจริงๆ ก็ควรจะตกลงให้เรียบร้อยกันก่อน เพราะที่สุดก็เอาไปบำรุงท้องถิ่น ซึ่งการจัดเก็บครั้งนี้เพียง 5 สตางค์ต่อลิตรก็ไม่ได้มากจนกระทบต่อราคาขายปลีกอะไร ซึ่งตามกฎหมายสามารถเก็บได้ไม่เกิน 10 สตาค์ต่อลิตร” นายณรงค์ชัยกล่าว
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้ประสานงานไปยังจังหวัดเพื่อที่จะเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนแล้ว เบื้องต้นได้รับรายงานว่าปั๊มบางแห่งได้ทยอยเปิด เช่น จ.ยะลา จากปิด 34 แห่งล่าสุดปิดเหลือเพียง 20 แห่งแล้ว ส่วนพื้นที่อื่นยังไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัด คาดว่าช่วงบ่ายน่าจะชัดเจนขึ้น ซึ่งปั๊มน้ำมันใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งสิ้น 162 แห่ง
“การปรับขึ้นภาษีฯ เพื่อนำบำรุงท้องถิ่น อบจ.เป็นอำนาจที่ทำได้ปกติ ที่ผ่านมาหลายพื้นที่เรียกเก็บแล้ว แต่ 3 จังหวัดไม่เคยเรียกเก็บ ส่วนการใช้อำนาจของนายกฯ ให้เปิดปั๊มนั้นถ้าขาดแคลนขึ้นจริงก็ทำได้ตามกฎหมาย และหากใครไม่ปฏิบัติก็จะมีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ” นายวิฑูรย์กล่าว