ปตท.แจงผลศึกษาเบื้องต้นดึงธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน แอลพีจี คลัง และนอนออยล์ออกมาเป็นบริษัทใหม่ก่อนเข็นเข้าตลาดหุ้นเป็นทิศทางที่เหมาะสมทั้งด้านเศรษฐศาสตร์และช่วยเกื้อกูลธุรกิจกัน ส่วนจะเข้าตลาดหุ้นเมื่อใดไม่มีกำหนดคงต้องศึกษาผลกระทบอื่นและภาวะตลาดที่เหมาะสม ลั่นปีนี้ธุรกิจน้ำมันมีรายได้และกำไรดีกว่าปีก่อน พร้อมรุกตลาดนอนออยล์เพิ่ม โดยเตรียมเซ็นสัญญาได้สิทธิมาสเตอร์ แฟรนไชส์เบอร์เกอร์และไอศกรีมแบรนด์นอกเพิ่มเติม หลังจากได้แฟรนไชส์ “เท็กซัส ชิคเก้น” เตรียมเปิด 2 สาขาในปลายปีนี้ที่ห้างสรรพสินค้าก่อนขยายสู่ปั๊ม ปตท.
นายสรัญ รังคสิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ผลการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการแยกธุรกิจค้าปลีกน้ำมันออกมาเป็นบริษัทใหม่ก่อนนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น บริษัทใหม่ในเครือ ปตท. ประกอบด้วยธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน แอลพีจี คลัง และธุรกิจนอนออยล์ ซึ่งการรวมธุรกิจค้าปลีกทั้งหมดจะให้ผลดีมากกว่าการแยกแต่ละธุรกิจออกมาเพราะมีความเหมาะสมเชิงเศรษฐศาสตร์ ส่วนจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อใดนั้นคงต้องศึกษาผลกระทบด้านอื่นๆ เช่น ผู้ถือหุ้น และช่วงจังหวะเวลาที่เหมาะสม โดยไม่ได้มีการกำหนดเวลาที่แน่นอน
ปัจจุบันธุรกิจค้าปลีกน้ำมันก็มีสินทรัพย์รวม 1 แสนล้านบาท ซึ่งการแยกธุรกิจค้าปลีกน้ำมันออกมาเป็นบริษัทใหม่จะทำให้เกิดความชัดเจนในการพัฒนาธุรกิจและสามารถเพิ่มมูลค่าได้ รวมทั้งลดกระแสการโจมตี ปตท.ว่ากำไรจาก ปตท.มาจากธุรกิจน้ำมัน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมาร์จิ้นจากธุรกิจน้ำมันน้อยมาก ซึ่งกำไรของ ปตท.มาจากหลายส่วน ทั้งธุรกิจก๊าซฯ และรับรู้กำไรจากบริษัทในเครือฯ อื่นๆ
สำหรับผลการดำเนินงานธุรกิจน้ำมัน ปตท.ในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้และกำไรโตขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยตามทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น เนื่องจากปีที่แล้วราคาน้ำมันปิดที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่ปีนี้คาดว่าราคาน้ำมันอยู่ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ไม่ขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันเหมือนในปี 2557 แต่จะมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันกลับเข้ามา
นายชวลิต พันธ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การลดปริมาณสำรองน้ำมันสำเร็จรูปตามกฎหมายเหลือระดับ 1% จาก 6% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้ อาจไม่ได้ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันปรับลดลงเท่าที่เคยคาดไว้ที่ 8-9 สตางค์/ลิตร เนื่องจาก ปตท.ยังคงต้องสำรองน้ำมันเก็บไว้ในสต๊อกราว 3-4% ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนด เพื่อเป็นสต๊อกใช้ในการดำเนินงาน
วันนี้ (10 ก.ค.) ปตท.ลงนามสัญญาการได้สิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์ Texas Chicken ซึ่งเป็นแบรนด์ไก่ทอดชั้นนำ 1 ใน 3 ของโลก โดยมีสาขาถึง 1.65 พันสาขาใน 23 ประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกใหม่ของผู้บริโภค โดยปลายปีนี้ ปตท.จะเปิดร้าน Texas Chicken 2 สาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ หลังจากนั้นจะขยายสาขาไปยังปั๊มน้ำมันปตท. โดยมีเป้าหมายที่จะขยายสาขาไม่ต่ำกว่า 70 สาขาภายใน 5-10 ปีข้างหน้า คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 15-20 ล้านบาท/สาขา โดยเห็นว่าตลาดไก่ทอดยังมีโอกาสเติบโตได้สูง ซึ่งปัจจุบันไก่ทอดมีสัดส่วน 40% ของตลาดอาหารเร่งด่วน (Quick Service Restaurant) ในประเทศ คิดเป็นมูลค่า 3 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ ปตท.ยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อสิทธิแฟรนไชส์อาหารเพิ่มประเภทไอศกรีม และเบอร์เกอร์ คาดว่าจะสรุปได้ในต้นปีหน้า ซึ่งจะช่วยหนุนสัดส่วนกำไรจากธุรกิจนอนออยล์ให้เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 50% ใน 5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันธุรกิจนอน ออยล์สร้างกำไรให้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันอยู่ที่ 20%
ปัจจุบัน ปตท.มีแบรนด์ธุรกิจนอนออยล์ที่เป็นของตัวเอง ได้แก่ ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน, ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ และชาไข่มุกเพิร์ลลี่ ที ขณะที่การนำแบรนด์ Texas Chicken เข้ามาเปิดตลาดในไทยนั้นเป็นการซื้อแฟรนไชส์ต่างประเทศเป็นครั้งแรก โดยก่อนหน้านี้แด๊ดดี โด ซึ่งเป็นแบรนด์โดนัทของคนไทย