xs
xsm
sm
md
lg

แท็กซี่ทวง “คมนาคม” ขึ้นมิเตอร์รอบ 2 อีก 5% พร้อมร่วมมือตั้งเกณฑ์ปรับปรุงบริการก่อน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สหกรณ์แท็กซี่มาทวงสัญญา “ประจิน” ยื่นหนังสือขอปรับค่าโดยสารรอบที่ 2 อีก 5% แต่ไม่เคลื่อนไหวหรือหยุดวิ่งแต่อย่างใด เผยอธิบดีขนส่งฯ นัดหารือแล้ว ยันพร้อมให้ความร่วมมือภาครัฐปรับปรุงยกระดับบริการก่อน แนะเพิ่มโทษกรณีปฏิเสธผู้โดยสารเพื่อความหลาบจำ



วันนี้ (8 ก.ค.) เวลา 11.00 น. นายวิฑูรย์ แนวพานิช ประธานเครือข่ายสหกรณ์ในเขตกรุงเทพมหานคร ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อทวงถามถึงการปรับค่าโดยสารรถแท็กซี่ครั้งที่ 2 โดยมีนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ หัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ โดยนายวิฑูรย์กล่าวว่า มายื่นหนังสือทวงสัญญาที่ รมว.คมนาคมได้เคยให้สัญญาไว้ว่าจะปรับขึ้นค่ามิเตอร์ครั้งที่ 2 อีก 5% หลังจากปรับครั้งแรก 6 เดือน ซึ่งวันนี้เกิน 6 เดือนแล้ว โดยหากทางภาครัฐยังไม่ให้ปรับมิเตอร์ ทางผู้ประกอบการจะไม่มีการเคลื่อนไหวหรือหยุดวิ่งแต่อย่างใด โดยจะนัดสมาชิกผู้ขับรถแท็กซี่มาประชุมหารือกันว่าจะมีมาตรการอย่างไรหรือไม่

โดยในหนังสือระบุว่า ตามที่ รมว.คมนาคมได้มีนโยบายจะปรับขึ้นค่าโดยสารรถแท็กซี่ 13% เพื่อสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงของผู้ขับรถแท็กซี่ และลดการปฏิเสธผู้โดยสารโดยแบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค. 2557 อัตรา 8% หลังจากปรับสภาพรถให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และอีก 6 เดือนจะปรับขึ้นครั้งที่ 2 อีก 5% นั้น แต่ในระหว่าง 6 เดือนที่ผ่านมาทางกระทรวงพลังงานได้มีการปรับขึ้นราคาก๊าซ NGV ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่รถแท็กซี่มากกว่า 80% ใช้อยู่ ทำให้เกิดผลกระทบต่อต้นทุนของผู้ขับรถแท็กซี่เพิ่มขึ้นวันละ 100 บาท ถ้าหักกับการขึ้นราคาก๊าซที่ผ่านมาจึงทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย จึงไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และทำให้ผู้ขับรถแท็กซี่มีรายได้ต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ

ทั้งนี้ ในช่วงบ่ายจะมีการหารือร่วมกับนายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ซึ่งจะรอฟังว่าทางหน่วยงานรัฐจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งคนขับแท็กซี่ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือโดยเฉพาะเรื่องที่ประชาชนยังร้องเรียนอยู่ คือ การปฏิเสธรับผู้โดยสาร รวมถึงมาตรการอื่นๆ ที่จะเป็นการยกระดับบริการให้ดีขึ้น เช่น คนขับจะต้องผ่านการอบรมก่อนจึงจะได้รับการปรับจูนมิเตอร์ครั้งที่ 2 หรือการเพิ่มบทลงโทษต่างๆ เป็นต้น เป้าหมายเพื่อนำไปสู่การไม่ปฏิเสธรับผู้โดยสาร โดยยินดีหากตกลงเป็นเงื่อนไขที่ชัดเจนก่อนที่จะปรับขึ้นค่ามิเตอร์ครั้งที่ 2 ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 เดือนก็ไม่เป็นไร

“คนขับแท็กซี่ยินดีให้ความร่วมมือกับภาครัฐอยากยกระดับบริการ ร่วมรับผิดชอบในบริการ แต่รัฐต้องร่วมมือด้วยกัน เพราะจะเกี่ยวกับระเบียบบทลงโทษ การอบรมด้วย การอบรมที่ผ่านมาเคยมีโครงการ “ไปทุกที่ไม่มีปฏิเสธ” แต่ได้ไม่มากแค่พันกว่าคน เพราะไม่มีทุนมากพอ โดยแท็กซี่ในระบบมีภาครัฐกับผู้ประกอบการต่างคนต่างทำ ไร้ทิศทางก็ไม่เกิดผล ต้องมาดูว่ากฎหมายที่มีใช้ได้จริงหรือไม่ จะกวดขันกฎหมายที่มีเพื่อดำเนินการเรื่องการปฏิเสธผู้โดยสารได้อย่างไร บทลงโทษยังไม่แรงพอหรือไม่ รวมถึงผู้ให้เช่า หรือให้เช่าซื้อรถแท็กซี่จะต้องเข้ามาร่วมรับผิดชอบกับความผิดต่างๆ หรือไม่ ทำอย่างไรให้คนขับสามารถยกระดับการบริการได้ โดยเฉพาะเรื่องเงินทุนในการอบรมพัฒนารัฐจะช่วยอย่างไร ส่วนคนขับถ้าจะมาจ่ายภาษีประจำปีจะต้องสมทบกองทุนเพื่อพัฒนาคนเท่าไร มาตกลงร่วมกัน เรื่องเหล่านี้ต้องมาคุยกัน”

นายวิฑูรย์ยอมรับว่า บริการแท็กซี่อูเบอร์ หรือแกร็บแท็กซี่ (GrabTaxi) เป็นบริการที่ดี และเป็นทางเลือกให้ประชาชน เพียงแต่จะต้องยึดกฎหมายเป็นหลัก รถที่ให้บริการแบบเดียวกันจะต้องถูกกฎหมาย ไม่ใช่รถป้ายดำ หาประวัติไม่ได้ ทั้งนี้ ยอมรับว่าบริการแท็กซี่อูเบอร์เป็นคู่แข่งของแท็กซี่ทั่วไป ดังนั้นจะต้องยกระดับบริการ โดยปัจจุบันมีแท็กซี่ 100,000 คน แบ่งเป็นแท็กซี่ส่วนบุคคลไม่เกิน 20,000 คน เป็นนิติบุคคลไม่เกิน 20,000 คัน ที่เหลือประมาณ 60,000 คนเป็นสมาชิกสหกรณ์แท็กซี่ฯ

สำหรับราคาพลังงาน บัตรพลังงาน เป็นนโยบายของรัฐบาลนั้นๆ ถ้ารัฐบาลนี้ไม่มีนโยบายก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่ค่าก๊าซเป็นต้นทุนหลักของรถแท็กซี่ เมื่อกระทรวงพลังงานจะลอยตัวค่าก๊าซ แต่กระทรวงคมนาคมกดค่าโดยสารไว้ คนขับแท็กซี่อยู่ตรงกลางเดือดร้อนแล้วจะทำอย่างไร









กำลังโหลดความคิดเห็น