STHAI ประกาศ turn around บริษัท ตั้งเป้าเทรดหมวดปกติไตรมาสแรกปี 59 เดินหน้าแผนเพิ่มประสิทธิภาพสายการผลิต ลดต้นทุนการดำเนินงาน พร้อมจับมือพันธมิตร Utilities Investment Management ขยายตลาด มั่นใจไตรมาสสองเห็นแววผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เตรียมเพิ่มทุนอีก 600 ล้านบาทปลายปีนี้ รองรับการปรับปรุงฐานะการเงินของกิจการและสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
นายศุภชัย สุกาญจนาภรณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) (STHAI) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายถุงมือยาง เปิดเผยแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลังว่า บริษัทมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรและสายการผลิต เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานและเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าหมายผลประกอบการปีนี้พลิกกลับเป็นกำไร และคาดว่าจะสามารถกลับมาทำการซื้อขายในหมวดปกติได้ภายในไตรมาส 1/2559
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มปรับปรุงระบบการใช้พลังงานเชื้อเพลิงในโรงงาน เพิ่มโมลการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังผลิตและลดปริมาณการใช้น้ำยางต่อหน่วยการผลิต เพิ่มเครื่องจักรสำหรับการซักถุงมือเพื่อแก้ปัญหาคอขวดในการผลิต ลงทุนจัดซื้อเครื่องบรรจุถุงมือผ่าตัดอัตโนมัติ ส่งผลให้กำลังการผลิตปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนพลังงานและต้นทุนการผลิตในด้านอื่นๆ ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางลดต้นทุนด้านพลังงานเพิ่มเติม เช่น การลงทุนโรงไฟฟ้าชีวมวลเพื่อนำมาใช้ในโรงงาน การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
ส่วนการขยายตลาดของผลิตภัณฑ์มีทิศทางปรับตัวดีขึ้นจากความต้องการใช้ถุงมือยางที่เพิ่มสูงขึ้นในตลาดโลก คาดว่าในปีนี้จะมีการขยายตัวประมาณ 8-10% จากปีก่อนที่มีปริมาณการใช้ทั้งสิ้น 176 พันล้านชิ้น ซึ่งเป็นผลจากการเกิดโรคระบาดชนิดใหม่ๆ ส่งผลให้ความต้องการถุงมือแพทย์ หรือถุงมือตรวจโรคเพิ่มสูงขึ้นตามในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ปากีสถาน และจีน ซึ่งบริษัทได้เร่งเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังได้แนะนำพันธมิตรกองทุน Utilities Investment Management Co., Ltd ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยกลุ่มทุนในประเทศมาเลเซีย ซึ่งลงทุนในธุรกิจถุงมือยางขนาดใหญ่ในมาเลเชีย และในอนาคตมีแผนจะร่วมมือกันในการค้นคว้าปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต รวมทั้งขยายช่องทางการตลาดให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
“STHAI มีการพัฒนาในทิศทางต่างๆ เป็นอย่างมาก ภายหลังการเข้ามาบริหารของกรรมการชุดใหม่ ซึ่งในปีนี้เราวางเป้าหมายในด้านต่างๆ ไว้อย่างชัดเจน โดยในส่วนของการผลิตจะเพิ่มกำลังการผลิตให้อยู่ที่ 70 ล้านชิ้น/เดือนในไตรมาสสุดท้ายของปี จากปัจจุบันผลิตได้ประมาณ 50-60 ล้านชิ้น/เดือน ขณะที่ผลประกอบการปีนี้จะพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยตั้งเป้าเพิ่มกำไรขั้นต้นให้อยู่ที่ประมาณ 20% จากปัจจุบันอยู่ที่ 5-10% ซึ่งผลประกอบการจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/58 เป็นต้นไป” นายศุภชัยกล่าว
สำหรับการปรับปรุงฐานะทางการเงินของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 3,995 ล้านบาท เป็น 19,978 ล้านบาท โดยมีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมเสร็จสิ้นไปแล้วเป็นเงินจำนวนประมาณ 600 ล้านบาท และจะเพิ่มทุนอีกครั้งเป็นเงินจำนวนประมาณ 600 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ โดยเงินที่ได้รับจากการเพิ่มทุนดังกล่าวบริษัทจะนำไปใช้สำหรับการชำระหนี้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน ปรับปรุงกระบวนการผลิต ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และอาจนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ด้านพลังงาน ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าในปัจจุบันให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจให้แก่บริษัทต่อไปในอนาคต