“ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง” ยกเลิกแผนปรับโครงสร้างหนี้ หันไปเร่งเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อแก้ไขให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าไม่ต่ำว่าศูนย์ ด้วยการเพิ่มทุนจดทะเบียนให้ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) อัตราส่วน 1 ต่อ 3 พาร์หุ้นละ 1 บาท เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 0.10 บาท คาดแล้วเสร็จภายใน ก.พ.58 พร้อมเพิ่มสภาพคล่องของบริษัท
นายธนา เอื้อวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) หรือ STHAI แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 57 ว่าบอร์ดให้ยกเลิกมติการปรับปรุงโครงสร้าง และการดำเนินงานของบริษัทเกี่ยวกับเรื่องการลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุดสะสม และปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการในเรื่องอื่นๆ เช่น การเพิ่มทุนจดทะเบียน การวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุน การปรับแผนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารสต๊อกสินค้า รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้าและตลาดใหม่ๆ นั้น บริษัทก็ยังคงดำเนินการตามแผนงานเดิมที่ได้เคยแจ้งไว้แล้ว
โดยบอร์ดยกเลิกเรื่องการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์กรณีมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์ และกรณีนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1/2557 ล่าช้าเกิน 180 วัน ตามที่เคยได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้ว เพราะบริษัทได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนกรณี มีการดำเนินงาน หรือฐานะการเงินที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน และเล็งเห็นว่า สถานะของบริษัทในปัจจุบันนั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องฟื้นฟูกิจการ และบริษัทยังมีศักยภาพในการดำเนินกิจการ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ยกเลิกการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเสนอแก่ผู้ถือหุ้นตามเหตุผลที่ได้แจ้งไปแล้วนั้น
โดยบอร์ดเลือกจัดทำแผนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ กล่าวคือ บริษัทจะเร่งเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อแก้ไขให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าไม่ต่ำว่าศูนย์ โดยบริษัทมีแผนที่เพิ่มทุนจดทะเบียน โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 998,906,746 บาท เป็น 3,995,626,984 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ 2,996,720,238 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นในราคาหุ้นละ 0.10บาท ซึ่งมีแนวโน้มอย่างสูงว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าว
เนื่องจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเพื่อนำไปลดภาระหนี้สินของบริษัทในการนี้ บริษัทจะได้รับเงินภายหลังจากการเพิ่มทุน จำนวนรวม 299,672,023.80 บาท
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 58 นอกจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะปรับแผนการดำเนินธุรกิจซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไร ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน โดยเร่งให้การดำเนินงานมีกำไรไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท บริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนการผลิต บริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมถุงมือยาง บริษัทวางแผนที่จะทำการตลาดโดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และร่วมกิจกรรมสำคัญต่างๆ ซึ่งจะเป็นช่องทางอันดีในการนำเสนอสินค้าถุงมือยางหลายชนิดให้แก่ลูกค้า และเป็นช่องทางในการขยายฐานตัวแทนจำหน่าย
นอกจากนี้ ยังต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน แผนการดำเนินงานระยะยาว และความเป็นไปได้ในการลงทุน เป็นต้น รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง แผนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจนี้ทางบริษัทจะจัดทำข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งสำหรับแผนการดำเนินการระยะสั้น และระยะยาวเพื่อนำเสนอให้แก่ผู้ถือหุ้นอนุมัติต่อไป
นายธนา เอื้อวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ซันไทยอุตสาหกรรมถุงมือยาง จำกัด (มหาชน) หรือ STHAI แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัทเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 57 ว่าบอร์ดให้ยกเลิกมติการปรับปรุงโครงสร้าง และการดำเนินงานของบริษัทเกี่ยวกับเรื่องการลดทุนจดทะเบียนเพื่อล้างขาดทุดสะสม และปรับโครงสร้างการถือหุ้นใหม่ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องสภาพคล่องทางการเงินให้แก่บริษัทแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินการในเรื่องอื่นๆ เช่น การเพิ่มทุนจดทะเบียน การวิเคราะห์โครงสร้างต้นทุน การปรับแผนการผลิตและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริหารสต๊อกสินค้า รวมทั้งการขยายกลุ่มลูกค้าและตลาดใหม่ๆ นั้น บริษัทก็ยังคงดำเนินการตามแผนงานเดิมที่ได้เคยแจ้งไว้แล้ว
โดยบอร์ดยกเลิกเรื่องการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่อให้พ้นเหตุอาจถูกเพิกถอนหลักทรัพย์กรณีมีส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำกว่าศูนย์ และกรณีนำส่งงบการเงินไตรมาสที่ 1/2557 ล่าช้าเกิน 180 วัน ตามที่เคยได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปแล้ว เพราะบริษัทได้ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางดำเนินการต่อบริษัทจดทะเบียนกรณี มีการดำเนินงาน หรือฐานะการเงินที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน และเล็งเห็นว่า สถานะของบริษัทในปัจจุบันนั้นยังไม่มีความจำเป็นต้องฟื้นฟูกิจการ และบริษัทยังมีศักยภาพในการดำเนินกิจการ ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ยกเลิกการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเพื่อเสนอแก่ผู้ถือหุ้นตามเหตุผลที่ได้แจ้งไปแล้วนั้น
โดยบอร์ดเลือกจัดทำแผนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ กล่าวคือ บริษัทจะเร่งเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อแก้ไขให้ส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่าไม่ต่ำว่าศูนย์ โดยบริษัทมีแผนที่เพิ่มทุนจดทะเบียน โดยจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิม 998,906,746 บาท เป็น 3,995,626,984 บาท โดยการออกหุ้นสามัญ 2,996,720,238 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (Rights Offering) ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นใหม่ มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยจะเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นในราคาหุ้นละ 0.10บาท ซึ่งมีแนวโน้มอย่างสูงว่าผู้ถือหุ้นจะอนุมัติการเพิ่มทุนดังกล่าว
เนื่องจากการเพิ่มทุนดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินเพื่อนำไปใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต และเพื่อนำไปลดภาระหนี้สินของบริษัทในการนี้ บริษัทจะได้รับเงินภายหลังจากการเพิ่มทุน จำนวนรวม 299,672,023.80 บาท
ทั้งนี้ บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุนดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ 58 นอกจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนดังกล่าวข้างต้น บริษัทจะปรับแผนการดำเนินธุรกิจซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไร ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน โดยเร่งให้การดำเนินงานมีกำไรไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท บริหารจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย และลดต้นทุนการผลิต บริหารจัดการทรัพย์สินเพื่อก่อให้เกิดรายได้ ตลอดจนการจัดการด้านการตลาด ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องต่อการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมถุงมือยาง บริษัทวางแผนที่จะทำการตลาดโดยจะเข้าร่วมงานแสดงสินค้า และร่วมกิจกรรมสำคัญต่างๆ ซึ่งจะเป็นช่องทางอันดีในการนำเสนอสินค้าถุงมือยางหลายชนิดให้แก่ลูกค้า และเป็นช่องทางในการขยายฐานตัวแทนจำหน่าย
นอกจากนี้ ยังต้องเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อลดต้นทุนทางการเงิน แผนการดำเนินงานระยะยาว และความเป็นไปได้ในการลงทุน เป็นต้น รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการสร้างรายได้ให้แก่บริษัทมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง แผนเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจนี้ทางบริษัทจะจัดทำข้อมูลอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งสำหรับแผนการดำเนินการระยะสั้น และระยะยาวเพื่อนำเสนอให้แก่ผู้ถือหุ้นอนุมัติต่อไป
