นายกฯ มั่นใจความร่วมมือญี่ปุ่น-อาเซียนเสริมทัพให้เศรษฐกิจอาเซียนไม่แพ้ภูมิภาคอื่น พร้อมชูนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้คึกคักรับเปิด AEC คาดปี 59 ลงทุนไทยคึกคัก
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานและแสดงปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา “ยุทธศาสตร์ทางธุรกิจหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ประเทศไทยกับการเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญสำหรับนักลงทุนญี่ปุ่น” “Business Strategy in the era of ASEAN Economic Community Thailand, major manufacturing hub for Japan” เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ว่า อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือด้านต่างๆ ทั้งระดับรัฐและเอกชน รัฐบาลจึงได้ให้ความสำคัญต่อการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้แก่ประเทศ
“รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดนเพื่อที่จะรองรับการเชื่อมโยงการลงทุนกับเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนขยายกรอบความร่วมมือในระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือกับประเทศญี่ปุ่นภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น จะช่วยทำให้เศรษฐกิจของอาเซียนเติบโตไม่แพ้ภูมิภาคอื่น ดังนั้น ปี 2559 เป็นต้นไปการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจะคึกคักยิ่งขึ้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) กล่าวว่า นโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นอย่างแน่นอน ส่วนนโยบายส่งเสริมการลงทุนใหม่กับการลงทุนของญี่ปุ่นในไทยนั้น บีโอไอมั่นใจว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตสำคัญของญี่ปุ่นในระยะยาว และประเภทกิจการที่บีโอไอมุ่งให้การส่งเสริมล้วนแต่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ (Modern Industries) ที่สอดคล้องกับทิศทางการลงทุนของนักลงทุนชั้นนำหลายประเทศ โดยเฉพาะนักลงทุนญี่ปุ่นด้วย เช่น การลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงหรือมีนวัตกรรมใหม่ๆ การสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ทรัพยากรในประเทศ การลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเป็นศูนย์กลางธุรกิจระหว่างประเทศ เป็นต้น