xs
xsm
sm
md
lg

“เอสซีจี เปเปอร์” ปรับแบรนด์สู่ “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” ตั้งเป้ายอดขายโต 5-10%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“เอสซีจี เปเปอร์” ปรับแบรนด์ใหม่เป็น “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” ผันตัวเป็น Total Packaging Solutions Provider สู่ผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ตั้งเป้ายอดขายปีนี้โต 5-10% จากปีก่อน 6.4 หมื่นล้านบาท

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี แพคเกจจิ้ง เปิดเผยว่า เอสซีจี เปเปอร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) ปรับแบรนด์ใหม่เป็น เอสซีจี แพคเกจจิ้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน เน้นการเป็น Total Packaging Solutions Provider คู่คิดที่จะสร้างคุณค่าและนวัตกรรมด้านบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร โดยมุ่งจะขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน และให้ความสำคัญต่อการวิจัยและพัฒนาสินค้า และบริการ

โดยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาพฤติกรรมผู้บริโภคได้เปลี่ยนแปลงไปมาก มีการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ทดแทนกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งโครงสร้างเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของหลายประเทศในอาเซียนก็เปลี่ยนเป็นการผลิตเพื่อการส่งออก ทำให้บริษัทตัดสินใจรีแบรนด์จากเดิมที่เป็นบริษัทผู้ผลิตกระดาษและกระดาษบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรมาเป็น Total Packaging Solutions Provider มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกิจใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เสนอผลิตภัณฑ์แต่เป็นการบริการที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าตลอดซัปพลายเชน โดยอาศัยฐานการผลิตที่มีอยู่ในไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์

เดิมรายได้ของเอสซีจี เปเปอร์มาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (แพกเกจจิ้ง) ถึง 70-75% ของยอดขายกลุ่มธุรกิจกระดาษ แต่เมื่อรีแบรนด์ใหม่เป็นเอสซีจี แพคเกจจิ้ง ได้วางเป้าหมายภายใน 4-5 ปีข้างหน้ารายได้บริษัทฯ มาจากแพกเกจจิ้งถึง 80-90% ที่เหลือจะเป็นธุรกิจกระดาษพิมพ์เขียน ซึ่งยังคงดำเนินธุรกิจอยู่เนื่องจากยังมีกลุ่มลูกค้าเดิมที่ยังต้องรักษาเอาไว้

สำหรับภาพรวมตลาดบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนอยู่ที่ 8 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ/ปี มีอัตราการเติบโต 5.1-5.2% ขณะที่อัตราการโตของตลาดแพกเกจจิ้งในไทยเฉลี่ยปีละ 2%เท่านั้น โดยตลาดบรรจุภัณฑ์ในอาเซียนพบว่า 1 ใน 3 เป็นบรรจุภัณฑ์ที่มาจากกระดาษ และการใช้บรรจุภัณฑ์ส่วนใหญ่ 60-70% ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร

นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายโตขึ้น 5-10% จากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 6.4 หมื่นล้านบาท มาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและการหันมาเน้นทำตลาดบรรจุภัณฑ์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าทำให้มาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ส่วนงบลงทุนในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของเอสซีจี แพคเกจจิ้งปีนี้อยู่ที่ 400ล้านบาท คิดเป็น 0.5% ของยอดขาย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ 240 ล้านบาท หรือ 0.4% ของยอดขาย โดยจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางเพื่อกระจายความรู้ การออกแบบ การให้บริการและอื่นๆ ให้แก่ลูกค้าในประเทศเพื่อนบ้านทั้งพม่า กัมพูชา เป็นต้น

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำลังการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์จากฐานผลิต 3 ประเทศรวม 2.3-2.4 ล้านตัน/ปี เป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน และอยู่ระหว่างการขยายกำลังการผลิตอีกราว 2.43 แสนตัน/ปีในเวียดนาม คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 18 เดือนข้างหน้า จะทำให้กำลังการผลิตของกระดาษบรรจุภัณฑ์ของเครือเพิ่มขึ้นมาที่เกือบ 2.7 ล้านตัน/ปี และมีกำลังการผลิตกระดาษพิมพ์เขียน 5.7 แสนตัน/ปี และเยื่อกระดาษ 4.7 แสนตัน/ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น