“เสี่ยใหญ่-บุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” เปรียบเศรษฐกิจไทยเหมือนขับรถสภาพดีบนถนนที่มีแต่ฝุ่นคลุ้ง ย้ำลดอัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ทางออกเดียวในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แนะธุรกิจอย่าหยุดลงทุนแต่ต้องใช้ความระวังมากเป็นพิเศษ ออกโรงหนุน “นายกฯ ตู่” มีความตั้งใจบริหารประเทศ ยกมือเชียร์ให้เดินหน้าบริหารประเทศต่อ 2 ปี
นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจน เพราะกำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่ดีพอ ขณะเดียวกันภาวะตลาดโลกก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา จึงเห็นว่าหากในปี 2558 รัฐบาลยังคงสามารถรักษาอัตราการเติบโตของจีดีพีได้ประมาณ 3-4% หรือเท่ากับปี 2557 ก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว
แม้ขณะนี้รัฐบาลจะเริ่มมีการนำมาตรการลดอัตราดอกเบี้ยมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ก็ยังไม่เพียงพอ โดยรัฐบาลควรเร่งหาวิธีแปลงเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้เป็นเงินบาทเพี่อกระจายไปยังธุรกิจเอสเอ็มอีและประชาชนระดับล่างให้มากขึ้นด้วย โดยเห็นว่าค่าเงินบาทที่เหมาะสมในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจควรอยู่ในระดับ 35 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ส่วนแนวคิดเรื่องการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 10% ตนไม่เห็นด้วยเนื่องจากเท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนให้ผู้ประกอบการต้องแบกรับภาระเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานด้านต่างๆ ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภาพรวมถือว่าดำเนินงานมาถูกทางแล้วและอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ซึ่งถือว่ามีความตั้งใจดีในการบริหารงานเพื่อประเทศชาติ ส่วนตัวจึงอยากให้บริหารประเทศต่อไปอีก 2 ปีเพื่อจัดการระบบต่างๆ ให้เข้าที่มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการปราบทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงนโยบายเรื่องค่าแรงงานลอยตัวตามแต่ละพื้นที่ในปี 2559 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยให้ประชาชนมีการจับจ่ายมากขึ้น
“เศรษฐกิจประเทศไทยในขณะนี้เปรียบเสมือนการขับรถโดยใช้เกียร์สองบนถนนที่ยังจำเป็นต้องใช้เกียร์หนึ่ง หรือเป็นการขับรถที่มีสภาพดีบนถนนที่มีแต่ฝุ่นคละคลุ้งโดยยังไม่ทันได้ขึ้นทางด่วน ทางออกสำหรับการดำเนินธุรกิจในภาวะเช่นนี้จึงยังจำเป็นต้องมีการขยายการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่องแต่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ยกเว้นธุรกิจที่มีจุดแข็งและความแข็งแกร่งก็สามารถเดินหน้าได้เต็มที่”
นายบุณยสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนของเครือสหพัฒน์ มีการปรับแผนการดำเนินธุรกิจเป็นเดือนต่อเดือนตามแต่ละสถานการณ์ ทั้งยังไม่ได้มีการตั้งเป้าหมายรายได้และการเติบโตแต่อย่างใด โดยช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปี 2558 มีการลงทุนไปแล้วประมาณ 200-300 ล้านบาท โดยคาดว่าตลอดทั้งปีจะสามารถทำรายได้รวมประมาณ 3 แสนล้านบาทใกล้เคียงกับปี 2557 โดยธุรกิจที่ยังคงเป็นฐานหลักคือกลุ่มอาหาร โดยเฉพาะขนมปังฟาร์มเฮ้าส์ที่มีผลประกอบการโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ธุรกิจที่น่าเป็นห่วงคือโรงงานผลิตผ้าขนหนู
แม้เศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศจะไม่ขยายตัวตามเป้าหมาย แต่เครือสหพัฒน์ยังคงมีโครงการลงทุนเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งการเซ็นสัญญาร่วมกับ “สหโตคิว คอร์เปอเรชั่น” เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยจะเปิดตัวโครงการ Harmonique Residence Sriracha เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์รูปแบบของหมู่บ้าน ขนาด 180 ยูนิต บนพื้นที่ 30 ไร่ใน อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เน้นกลุ่มเป้าหมายนักธุรกิจญี่ปุ่นและกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2558
ส่วนอีกโครงการหนึ่งเป็นการลงทุนเพื่อรองรับการเปิดเขตประชาคมเสรีอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 พร้อมผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจลอจิสติกส์ โดยได้เซ็นสัญญาร่วมกับ “เซอิโน โฮลดิ้งส์” ผู้นำด้านบริการขนส่งและลอจิสติกส์ในประเทศญี่ปุ่น เพื่อลงทุนการพัฒนาระบบในประเทศไทยในนาม บริษัท ดับเบิล เอส โลจิสติกส์ จำกัด รวมงบลงทุนทั้งสองโครงการประมาณ 200-300 ล้านบาท
นายบุณยสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้หลายๆ ฝ่ายประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2558 จะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ ส่งผลให้บรรยายกาศการจับจ่ายใช้สอยและกำลังซื้อลดลง เครือสหพัฒน์จึงกำหนดจัดงาน “สหกรุ๊ปแฟร์” ครั้งที่ 19 ระหว่างวันที่ 25-28 มิ.ย. 58 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะมีการจัดแสดงสินค้าใหม่และนวัตกรรมที่บริษัทในเครือสหพัฒน์พัฒนาขึ้นมาจำหน่ายในราคาพิเศษกว่า 1 พันคูหา พร้อมบริการส่งสินค้าฟรีถึงบ้าน เพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนทั้งในประเทศและส่งออก
“การจัดงานครั้งนี้เราไม่ได้คาดหวังเรื่องยอดขายเป็นหลัก เพราะต้องการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาและยังช่วยคืนความสุขให้คนไทยมีโอกาสได้ซื้อของกินของใช้คุณภาพดีในราคาลดพิเศษ โดยยังร่วมกับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยจัดโปรโมชันผ่อน 0% เป็นเวลา 3 เดือนสำหรับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของ ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนลตั้งแต่ 1 หมื่นบาทขึ้นไป ขณะที่สมาชิกบัตร His & Her สามารถใช้สิทธิดังกล่าวได้เพียงมียอดการซื้อตั้งแต่ 5 พันบาทขึ้นไป ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่เครือสหพัฒน์จัดโปรโมชันพิเศษในงานสหกรุ๊ปแฟร์” นายบุณยสิทธิ์กล่าวในที่สุด