xs
xsm
sm
md
lg

BCP ยิ้มยอดใช้น้ำมัน-ค่าการกลั่นพุ่ง ลุยปักธงธุรกิจใหม่ในและ ตปท.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“บางจาก” ยิ้มรับยอดใช้น้ำมันเติบโตสูง 10% ขณะที่ค่าการกลั่นแตะระดับ 10 เหรียญ/บาร์เรล แถมกลั่นน้ำมันทุบสถิติสูงสุด 1.1-1.2 แสนบาร์เรลต่อวันต่อเนื่องมา 5 เดือน ดันผลการดำเนินงาน Q2 ดีพุ่งแน่ ขณะที่อนาคตเร่งปักธงธุรกิจใหม่ทั้งในและ ตปท. 5 หมื่นล้านบาทเพิ่มความมั่นคง ล่าสุดลุยสำรวจพลังความร้อนใต้พิภพหวังหาช่องลงทุนเพิ่ม

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่า ไตรมาส 1-2 นี้พบว่ายอดใช้น้ำมันภาพรวมมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 10% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่คาดว่าปีนี้จะโต 2-3% ส่งผลให้ยอดจำหน่ายน้ำมันบางจากมียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% เช่นกัน ซึ่งส่วนหนึ่งคาดว่าจะมาจากระดับราคาน้ำมันที่ต่ำส่งผลให้ประชาชนมีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าระดับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกครึ่งปีหลังคงจะไม่เกิน 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

“ปกติการใช้น้ำมันจะโตกว่า GDP 3% แต่การใช้ขณะนี้ถือว่าโตมากก็น่าจะมาจากน้ำมันที่ถูกลง และเศรษฐกิจน่าจะเริ่มฟื้นตัว โดยยอดขายแก๊สโซฮอล์ E85 อาจจะชะลอตัวไปบ้างเพราะน้ำมันถูกคนก็จะหันไปใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมเบนซินสูงๆ เพิ่มขึ้นขณะเดียวกัน ส่วนต่างราคา E85 กับแก๊สโซฮอล์ 91 และ 95 ก็แคบลง แต่เราก็ยังยืนหยัดที่จะเดินหน้าพลังงานทดแทนต่อไปเพราะเรามองอนาคต และปรับโฉมปั๊มน้ำมันให้เป็นปั๊มมาตรฐานมากขึ้นจากที่มี 400 แห่งเป็น 600 แห่งในปี 2563 โดยจะปรับให้เป็นปั๊มที่รองรับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากขึ้น จากที่ผ่านมาเรามักจะมีปั๊มชุมชนและอยู่ในถนนรองค่อนข้างมาก” นายชัยวัฒน์กล่าว

สำหรับค่าการกลั่นไตรมาส 2 เฉลี่ยอยู่ที่ 10 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเฉลี่ย 6 เหรียญต่อบาร์เรล และโรงกลั่นบางจากยังสามารถกลั่นน้ำมันเฉลี่ยทุบสถิติสูงสุด 1.1-1.2 แสนบาร์เรล/วันมาต่อเนื่องมา 5เดือนแล้ว เนื่องจากมีการบริหารน้ำมันเตาได้ค่อนข้างมากที่ขณะนี้น้ำมันเตามีสเปกที่สูงและราคาต่ำกว่าน้ำมันดิบไม่มากเช่นอดีตและได้ส่งออกให้กับญี่ปุ่นทั้งหมด ทำให้ภาพรวมไตรมาส 2 ผลการดำเนินงานจะดีกว่าไตรมาสแรกค่อนข้างมากเพราะไม่มีต้นทุนการสูญเสียจากสต๊อกน้ำมัน อย่างไรก็ตาม บางจากจะคงเป้ากำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA)ที่ 10,400 ล้านบาท มาจากธุรกิจกลั่น 39% ธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน 23% ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ 26% และอื่นๆ อีก 12% 

นายชัยวัฒน์กล่าวว่า บางจากได้ตั้งเป้าหมายธุรกิจ 5 ปีข้างหน้าที่จะมีการสร้างสมดุล กระจายความเสี่ยงธุรกิจ โดยยังคงยึดหลักพลังงานสีเขียว 4 ธุรกิจ ได้แก่ โรงกลั่น การตลาด โรงไฟฟ้าสีเขียว ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยมีแผนที่จะขยายการลงทุนสู่ธุรกิจใหม่เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในทุกๆ แห่งที่มองว่ามีศักยภาพ ซึ่งบางจากได้วางแผนลงทุน 6 ปี (ปี 2558-63) ในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจโรงไฟฟ้าสีเขียว(Green Power Plant) ทั้งในและต่างประเทศ ใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 50,000 ล้านบาทเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตปิโตรเลียมให้ได้ 20,000 บาร์เรลต่อวัน

ขยายธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานชีวภาพ ชีวมวล พลังงานลม พลังงานความร้อนจากใต้พิภพ ฯลฯ เพิ่มเป็น 500 เมกะวัตต์ ซึ่งล่าสุดได้เดินทางไปศึกษาดูงานที่ประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย เนื่องจากทั้งสองประเทศนี้มีนโยบายในการส่งเสริมการลงทุนพลังงานทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะนิวซีแลนด์ที่เป็นประเทศที่มีพลังงานความร้อนจากใต้พิภพสามารถผลิตไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทดแทนได้ 80% และมีการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างดี ซึ่งบางจากมีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจดังกล่าวเช่นกันในประเทศแถบอาเซียนที่มีลักษณะเดียวกับนิวซีแลนด์ เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น
“พลังงานความร้อนใต้พิภพ” ทางเลือกลงทุนใหม่ที่ “บางจาก” ไม่มองข้าม
“พลังงานความร้อนใต้พิภพ” ทางเลือกลงทุนใหม่ที่ “บางจาก” ไม่มองข้าม
บริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด(มหาชน) เป็นบริษัทพลังงานของคนไทยที่อยู่คู่กับสังคมไทยมาจนก้าวสู่ปีที่ 31 ในปี 2558 และยังคงยืนหยัดเป็นบริษัทพลังงานที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมหรือพลังงานสีเขียวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแม้ในปีนี้ บางจากจะมีการเปลี่ยนแปลงหลายด้านทั้งการก้าวเข้ามารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช รวมถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่มีกองทุนวายุภักษ์ กองทุนประกันสังคมและคลังถือหุ้น 40% แต่อุดมการณ์ของบางจากที่ยึดมั่นในธุรกิจพลังงานสะอาดเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
กำลังโหลดความคิดเห็น