กบง.เคาะราคาแอลพีจี มิ.ย. คงเดิมที่ 23.96 บาท/กก. แม้ต้นทุนจะลดลง 0.32 บาท/กก. เหตุให้นำส่งเข้ากองทุนฯ แอลพีจีแทนสะสมไว้ใช้กรณีอนาคตตลาดโลกแพง ชี้ลดไปก็ไม่มากยี่ปั๊ว ซาปั๊วอาจได้ประโยชน์กว่า พร้อมย้ำเตรียมขยับภาษีฯ แอลพีจีขนส่งเมื่อกฎหมายสรรพสามิตใหม่มีผล
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (8 มิ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาโครงสร้างราคาจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) ประจำเดือน มิ.ย. 58 ที่จะปรับให้สะท้อนกับต้นทุนตลาดโลก ซึ่งพบว่าราคาต้นทุนจัดหาเฉลี่ยลดลง 0.32 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) ตามทิศทางราคาแอลพีจีตลาดโลกที่ลดลงจากเดือนก่อน 50 เหรียญสหรัฐต่อตัน อย่างไรก็ตาม กบง.เห็นว่าราคาดังกล่าวหากลดให้ประชาชนเป็นอัตราที่ไม่มากจึงมีมติเก็บเงินดังกล่าวเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อสะสมไว้ดูแลช่วงระดับราคาแอลพีจีตลาดโลกสูงขึ้น จึงทำให้ราคาแอลพีจีขายปลีก มิ.ย.คงเดิมที่ 23.96 บาทต่อ กก.
“เราเห็นว่าถ้าลดราคาให้ประชาชนคงไม่มากประโยชน์น่าจะตกกับยี่ปั๊ว ซาปั๊วมากกว่าเลยเก็บเงินสะสมไว้ ถ้าลดลงก็จะลดให้กับประชาชน แต่ถ้าแพงก็จะได้ไว้ดูแล ผลดังกล่าวทำให้อัตราเงินเข้ากองทุนฯ ในส่วนของแอลพีจีเพิ่มขึ้น 0.32 บาทต่อ กก. เป็น 0.95 บาทต่อ กก. มีผลตั้งแต่ 9 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป จากปัจจุบันกองทุนฯ แอลพีจีมีเงินสะสม 7,000 ล้านบาท จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นเป็นเดือนละ 330 ล้านบาท” นายณรงค์ชัยกล่าว
สำหรับนโยบายการปรับภาษีสรรพสามิตแอลพีจีนั้นขอย้ำเป็นเฉพาะในส่วนของภาคขนส่ง เนื่องจากกระทรวงพลังงานมีนโยบายที่จะปรับโครงสร้างภาษีฯ เชื้อเพลิงให้มีอัตราที่เท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงอัตราความร้อนและปัจจุบันแอลพีจีขนส่งมีภาษีฯ ต่ำกว่าน้ำมัน 20-30% โดยแนวทางดังกล่าวจะดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลแล้ว และเป็นการเก็บภาษีฯ ปลายทางที่หัวจ่ายจึงยืนยันจะไม่มีการลักลอบใช้ข้ามประเภทเช่นอดีต ดังนั้นผู้ที่คิดจะใช้แอลพีจีภาคขนส่งจึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ ซึ่งกระทรวงพลังงานได้ส่งสัญญาณแล้ว