“ดาว เคมิคอล” ชี้ราคาน้ำมันวูบ ฉุดรายได้ปีนี้โตลดแต่ปริมาณขายเพิ่ม

ดาว เคมิคอล เผยปีนี้ปริมาณการผลิตเคมีภัณฑ์และพลาสติกโตขึ้น 18-20% จากปีก่อนหลังโรงงานโพลีอีเทอร์ โพลีออลแห่งใหม่ แต่ยอดขายปีนี้โตเล็กน้อยหลังราคาเม็ดพลาสติกปรับลดลงจากราคาน้ำมันที่อ่อนตัว แต่มาร์จิ้นยังดีอยู่ ยอมรับยังไม่มีแผนการลงทุนเพิ่มเติมในไทย หลังจากโรงงานสุดท้ายภายใต้โครงการ Thai Growth Project แล้วเสร็จต้นปี 58

นายจิรศักดิ์ สิงห์มณีชัย กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายการผลิตเคมีภัณฑ์และพลาสติกอยู่ที่ 2.3 ล้านตัน/ปี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 18-20% หรือ 1.8 ล้านตัน/ปี เนื่องจากโรงงานโพลีอีเทอร์ โพลีออลแห่งใหม่ขนาด 2 แสนตัน/ปีแล้วเสร็จ แต่เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกปรับตัวลดลงตามไปด้วย ทำให้รายได้ในปีนี้จะเติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปี 2557 ที่กลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทยมีรายได้อยู่ที่ 1.24 แสนล้านบาท หรือประมาณ 3.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์และพลาสติกจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบ (สเปรด) อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยปีนี้ถือว่าเป็นวัฏจักรขาขึ้นของอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

นายจิรศักดิ์กล่าวต่อไปว่า กลุ่มบริษัทดาวฯ ยังไม่มีแผนลงทุนในไทยเพิ่มเติมในช่วงนี้ หลังจากโครงการลงทุนภายใต้โครงการ Thai Growth Project ที่มีมูลค่าการลงทุน 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เริ่มตั้งแต่ปี 2549 แล้วเสร็จเมื่อเปิดเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์ของโรงงานโพลีอีเทอร์ โพลีออล ซึ่งเป็นโครงการสุดท้ายภายใต้การลงทุนดังกล่าวจนไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของดาวฯ ในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก

โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ มุ่งเน้นการทำตลาดเพื่อสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) จะเป็นโอกาสที่ดีของบริษัท เนื่องจากไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่สุดในภูมิภาคนี้ ทำให้มีโอกาสเติบโตมากขึ้นเพราะตลาดใหญ่ขึ้น จากปัจจุบันปริมาณการขายเคมีภัณฑ์และพลาสติกของบริษัทส่วนใหญ่ส่งออกไปต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วน 70% ส่วนตลาดในไทยเพียง 30%

ส่วนกรณีที่กลุ่ม ปตท.มีแผนที่จะลงทุนโครงการผลิตเคมีภัณฑ์สายโพลียูรีเทน ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เดียวกับกลุ่มดาว ประเทศไทยนั้น นายจิรศักดิ์กล่าวว่า กลุ่มดาวฯ มีความชำนาญและเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์สายโพลียูรีเทนมาก่อน จึงมั่นใจว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนโครงการใหม่ๆ ของกลุ่ม ปตท.

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่มีการลงทุนโครงการใหม่ๆ ในไทย แต่ดาว เคมิคอล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ได้มีการลงทุนร่วมกับซาอุดิ อารัมโก้ ลงทุนโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์Sadara ตั้งอยู่ที่ Jubail ประเทศซาอุดีอาระเบีย เงินลงทุน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีโรงงานต่างๆ ถึง 26 โรง คิดเป็นกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกกว่า 3 ล้านตัน/ปี คาดว่าจะเริ่มทยอยเปิดเชิงพาณิชย์ได้ครึ่งหลังปี 2558 และจะเดินเครื่องจักรครบทุกโรงงานในกลางปี 2559

ดาว ประเทศไทย มีโรงงานในไทยทั้งสิ้น 15 โรงงาน แบ่งเป็นโรงงานที่ร่วมทุนกับเครือซิเมนต์ไทย 7 โรงงาน และที่เหลือกลุ่มบริษัทดาวฯ เป็นผู้บริหารงานเอง 100% โดยโรงงานดังกล่าวตั้งอยู่ในนิคมฯ มาบตาพุด นิคมฯ เอเชีย และนิคมฯ เหมราชตะวันออก เช่น โรงงานผลิตเลเท็กซ์ โพลีออล สไตรีน โมโนเมอร์ โพลีเอทิลีน โพลีสไตรีน โพรพิลีนออกไซด์ และโรงงานล่าสุด คือโรงงานผลิตโพลีอีเทอร์ โพลีออล