พีทีที โกลบอลฯ ลั่นสรุปหาพันธมิตรร่วมทุนโครงการ PO และโพลีออลในไทยได้กลางปีนี้ ใช้เงินลงทุน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนโครงการลงทุนปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ คาดได้ข้อสรุปในปีหน้า
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยความคืบหน้าการลงทุนโครงการผลิตโพรพิลีน ออกไซด์ (PO) และโครงการผลิตโพลีออล (Polyols) ในไทยว่า ขณะนี้แผนการลงทุนดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก คาดว่าจะได้ข้อสรุปและพันธมิตรร่วมทุนในกลางปีนี้ โดยบริษัทฯ จะถือหุ้นใหญ่ในโครงการดังกล่าว
โครงการผลิตโพรพิลีน ออกไซด์ขนาด 2 แสนตัน/ปี จะใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตโพลีออล ซึ่งจะต่อยอดไปสู่การผลิตสายโพลียูรีเทนที่ใช้ในอุตสาหกรรมสีเคลือบรถยนต์ที่มีอัตราการเติบโตสูง ซึ่งโครงการนี้จะใช้เงินลงทุนประมาณ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยดึงพันธมิตรร่วมทุนต่างประเทศที่เป็นเจ้าของเทคโนโลยีเข้ามาถือหุ้นด้วย โดย PTTGC จะถือหุ้นใหญ่ในโครงการดังกล่าว
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ที่สหรัฐฯ โดยใช้วัตถุดิบอีเทนจาก Shale Gas ว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดการลงทุนรวมถึงเม็ดเงินที่ใช้การส่งเสริมการลงทุนของมลรัฐของสหรัฐฯ ด้วย คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1 ปี โดยยอมรับว่าราคาอีเทนจากสหรัฐฯ ถูกมากเมื่อเทียบกับอีเทนในไทย จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการแสวงหาโอกาสการลงทุนเพื่อทำตลาดที่นั่น
ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 2558 บริษัทมั่นใจว่าจะมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 5.7 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีมาตรการควบคุมค่าใช้จ่าย ขยายรายได้ และเน้นผลิตสินค้าที่มีมาร์จิ้น และรับรู้รายได้จากโครงการผลิต EO/EG ส่วนขยายอีก 9 หมื่นตันจากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ 3 แสนตัน/ปี คาดว่าโรงงานดังกล่าวจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบในปีนี้น่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 50-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
แต่ในปีถัดไปมองว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าภายใน 5 ปีข้างหน้าโอกาสจะเห็นราคาน้ำมันดิบเกิน 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลก็คงเป็นไปได้ยาก น่าจะยืนระดับ 70-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ในปีที่ผ่านมาราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงอย่างมากส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิPTTGC ลดลง 50% เนื่องจากขาดทุนสต๊อกสินค้าและมาร์จิ้นที่แคบลงมาก อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่ปรับลดลงก็ส่งผลดีต่อต้นทุนการสต๊อกสินค้าที่ลดลง รวมทั้งใช้เงินทุนหมุนเวียนลดลงด้วย