ธุรกิจห้องเย็นของไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีการนำระบบนวัตกรรมที่ทันสมัยและสามารถจัดเก็บสินค้าให้มีมาตรฐานและความสดตลอด “ASTVผู้จัดการรายวัน” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ นางอัฉจรา นิมิตปัญญา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น ซึ่งนับว่าเป็นบริษัทที่มีห้องเย็นที่มีมาตรฐานดีและความทันสมัยที่สุด โดยนำ Mobile Pallet มาใช้ทำให้มีพื้นที่เก็บมากที่สุด
*แนวโน้มธุรกิจห้องเย็นของประเทศไทยและตลาดโลกเป็นอย่างไรบ้าง มีปริมาณความต้องการมากน้อย มูลค่าการตลาดเป็นอย่างไร
แนวโน้มธุรกิจห้องเย็นของไทย และตลาดโลกมีความเติบโตเพิ่มมากขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน ทำให้รูปแบบอาหารในสังคมปรับเปลี่ยนเป็นสินค้าพร้อมรับประทาน (RTE&RTD : Ready to eat และ Ready to drink) ซึ่งตลอดกระบวนการต้องอาศัยความเย็นทั้งในการจัดเก็บ การผลิต และการจัดส่ง ทำให้มีการขยายตัวของธุรกิจ Cold Chain อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันในประเทศตามข้อมูลสถิติของกระทรวงพาณิชย์ ปริมาณคลังสินค้าเย็นในประเทศไทยมีผู้ประกอบการมากกว่า 100 บริษัท และมีความสามารถในการจัดเก็บมากกว่า 6 แสนตันทั่วประเทศ ซึ่งหากมาตรฐานคำว่า “เจ้าตลาดห้องเย็น” วัดที่ปริมาณพื้นที่การจัดเก็บ บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นเจ้าตลาดห้องเย็นในปัจจุบัน จากปริมาณพื้นที่การจัดเก็บกว่า 8 หมื่นตัน
บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ให้บริการในรูปแบบอะไรบ้าง จำนวนพื้นที่ที่ให้บริการ มีจำนวนลูกค้ามากน้อยเพียงใด ปริมาณที่ให้บริการมีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างไร
สำหรับ บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด (สมุทรสาคร) บนพื้นที่มากกว่า 50 ไร่ เราเล็งเห็นว่าที่ผ่านมาอุตสาหกรรมห้องเย็นมักจำกัดด้วยคำว่า ห้องเย็น แต่ทางบริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ที่เรามุ่งเน้นเรื่องของการจัดการระบบโดยรวมภายใต้คำว่า Cold Chain Management ซึ่งให้บริการหลากหลายรูปแบบ ทั้งห้องเย็นรับฝาก (Cold Public Storage) และการขนส่งด้วยระบบความเย็น (Cold Transportation) ประกอบกับการเสริมสร้างศักยภาพเรื่องการคัดแยก (Sorting), การจัดกลุ่ม และการจัดเรียงตามความต้องการของลูกค้า (Packing & Picking) อีกทั้งนำระบบคุณภาพทั้งในส่วนของ ISO 9001 และ GMP เข้ามามีบทบาทในด้านการให้บริการแช่เยือกแข็ง (Freezing) เพื่อยกระดับการให้บริการในอุตสาหกรรม Cold Chain ให้สูงขึ้น จึงทำให้จำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการมีมากกว่า 200 บริษัท
ปัญหา และอุปสรรคของธุรกิจห้องเย็นเป็นอย่างไร สามารถให้บริการต่อความต้องการของตลาดเพียงพอหรือไม่ อย่างไร
ปัญหาของอุตสาหกรรมห้องเย็นมักจะเหมือนกับอุตสาหกรรมอื่นๆ คือ เรื่องคุณภาพของการบริการ ซึ่งทางบริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ได้นำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทเพื่อแก้ปัญหา โดยใช้ระบบ Mobile Pallet เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยระบบนี้ประกอบด้วย Mobile Pallet ซึ่งเป็นระบบที่ปิดเปิดอัตโนมัติด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ Pallet แต่ละแถวสามารถเคลื่อนที่ชิดกัน หรือเลื่อนออกจากกันได้ ส่งผลให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะจะลดเวลาในการหาสินค้า นอกจากนั้นยังทำให้มีพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไม่ต้องเว้นช่องทางวิ่งให้กับรถโฟล์คลิฟต์ในแต่ละแถว การมี Mobile Pallet เข้ามานั้นช่วยทั้งด้านการเพิ่มความรวดเร็วในการวางสินค้า ลดจำนวนคนในการควบคุมลงค่อนข้างสูง ซึ่งทางบริษัทเล็งเห็นความสำคัญของคุณภาพการบริการลูกค้า จึงต้องยอมลงทุนเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของลูกค้า
แนวโน้มของการขยายโรงงานธุรกิจห้องเย็นของบริษัทเป็นอย่างไร มีการลงทุนเพิ่มเติมโดยใช้งบลงทุนเท่าไหร่ สามารถรองรับปริมาณเพิ่มได้อีกเท่าไหร่ พร้อมทั้งจะเปิดให้บริการได้เมื่อไหร่
ในช่วงปีที่ผ่านมา ทางบริษัทลงทุนเพิ่มเติมขยายอาคารห้องเย็นอีกหนึ่งอาคาร รวมเป็นทั้งสิ้น 7 อาคาร ซึ่งจะทำให้บริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ที่สมุทรสาคร รองรับการฝากสินค้าได้มากกว่า 40,000 ตัน และพร้อมเปิดดำเนินการได้ในไตรมาส 2 ของปีนี้ โดยอาคารใหม่ดังกล่าวออกแบบให้มีความทันสมัยด้วยระบบ Mobile Pallet และโหลดสินค้าเข้าภายใต้ระบบควบคุมความเย็น ตลอดจนมีห้องปรับอุณหภูมิก่อนสินค้าจะเข้าสู่ห้องจัดเก็บภายใต้อุณหภูมิ -20 องศา
ปัจจุบันทางบริษัท แปซิฟิค ห้องเย็น จำกัด ได้ร่วมมือกับ JWD InfoLogistics Co., Ltd. ขยายธุรกิจทางด้าน Cold Chain โดยลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท โดยขยายไปทั้งที่สุวินทวงศ์, บางนา ซึ่งเป็นที่ที่มีการบริการในเรื่องสิทธิประโยชน์ทางด้านปลอดอากร (Free Zone) นอกจากนั้นบริษัทยังมีการขยายตัวไปในกลุ่มอาเซียน เพื่อรองรับตลาด AEC ทั้งในประเทศกัมพูชา, ลาว และพม่า โดยคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า
กลยุทธ์ในการแข่งขันของบริษัทกับคู่แข่งเป็นอย่างไร ตอนนี้ แปซิฟิค ห้องเย็น ถือว่าเป็นผู้นำในตลาดได้หรือไม่ อย่างไร มองอนาคตทำธุรกิจห้องเย็นเป็นอย่างไร
ปัจจุบันธุรกิจห้องเย็นอยู่ในภาวการณ์แข่งขันที่รุนแรงมาก เพราะมีผู้ประกอบการรายใหม่ๆ เข้ามาในตลาดมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องเสริมสร้างงานบริการที่มากกว่าการบริการห้องเย็นรับฝาก ซึ่งเป็นกิจกรรมพื้นฐาน
ในฐานะบริษัทที่อยู่ในระดับต้นๆ ของประเทศก็ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจ Cold Chain ด้วยระบบคุณภาพอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มการบริการในด้านสิทธิประโยชน์ทางการค้าในเขตปลอดอากรเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดภาระในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเขตปลอดอากรหมายถึงเขตพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับการประกอบอุตสาหกรรมพาณิชยกรรมหรือกิจการอื่นที่เป็นประโยชน์แก่การเศรษฐกิจของประเทศ โดยของที่นำเข้าไปในเขตดังกล่าวจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางอากรตามที่กฎหมายบัญญัติเช่นเดียวกันกับในธุรกิจห้องเย็น การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ย่อมจะทำให้สินค้ารวมทั้งวัตถุดิบมีการหมุนเวียนได้อย่างเสรี คลังเก็บวัตถุดิบหรือห้องเย็นจึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการช่วยรักษาสินค้ารวมทั้งวัตถุดิบของผู้ประกอบการทุกท่านเพื่อให้พร้อมต่อการผลิตหรือจำหน่ายให้แก่ผู้บริโภคที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น และหากเป็นคลังเก็บวัตถุดิบหรือห้องเย็นปลอดภาษีอากร หรือ Free Zone แล้วย่อมจะช่วยลดภาระของผู้ประกอบการอีกทางหนึ่ง
อธิบายระบบของห้องเย็น แปซิฟิคห้องเย็นที่มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้บริหารจัดการ
ทางบริษัทได้มีการนำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการบริหารจัดการ เช่น ระบบ Mobile Pallet เพื่อลดระยะเวลาจากการเคลื่อนย้ายสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้เรายังศึกษาการนำระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ (AS/RS) ที่จะนำมาใช้กับ Cold Public Warehouse เจ้าแรกในประเทศไทย ประกอบกับการใช้งานหลอดไฟ LED ในแต่ละจุดปฏิบัติงานในคลังสินค้ามากกว่า 5,000 หลอด และการใช้เทคโนโลยีการก่อสร้างที่เพิ่มความหนาของฉนวนความเย็นชนิดพิเศษเพื่อลดการใช้พลังงาน และป้องกันการสูญเสียอุณหภูมิในห้องจัดเก็บ นอกเหนือจากนี้ ปัจจุบันเรายังต้องการนำระบบการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม (ISO 14001) มาใช้ เพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เป้าหมายของบริษัท แปซิฟิคห้องเย็นในการเติบโตทางธุรกิจ มีแนวทางในการระดมทุนเพื่อใช้พัฒนาห้องเย็นอย่างไร เพื่อให้เป้าหมายของบริษัทเป็นไปตามที่วางไว้
เป้าหมายของเราคือการเป็น Local Champion ในประเทศไทยก่อน จากนั้นเราจะนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งเราต้องมีเงินทุน และพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งจังหวะเวลาที่ดีในการลงทุน และในช่วงเริ่มต้นของการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนคือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด เราจึงไม่สามารถปล่อยให้โอกาสเช่นนี้ผ่านไปได้ เรื่องนี้มีการวางแผนมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปีแล้ว และโอกาสนี้เราสามารถค้นหาพันธมิตรที่มีปรัชญาในการดำเนินธุรกิจแบบเดียวกัน และพร้อมที่จะร่วมเติบโตไปด้วยกัน สำหรับปัจจุบันการขยายธุรกิจไปสู่การเป็นผู้เล่นในระดับอาเซียนถือเป็นเป้าหมายหลักของบริษัท
จุดแข็งของเราคือ เรามีผลิตภัณฑ์ที่ครบวงจร และมีองค์ความรู้ ประสบการณ์ ความชำนาญ และความพร้อมที่จะขยายตัวเติบโตขึ้นสู่ระดับอาเซียน สิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบันคือ การค้นหาและพัฒนาบุคลากรระดับผู้บริหารที่มีความสามารถร่วมไปกับระดับปฏิบัติการที่เป็นมาตรฐานสากล เพื่อให้เข้ามาช่วยบริหารธุรกิจต่างๆ ในเครือของเรา และเป้าหมายระยะยาวก็คือการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร ถึงแม้ว่าการยกระดับองค์กรขึ้นสู่ระดับของบริษัทมหาชนจะมีกระบวนการและขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อน รวมทั้งมีความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ แต่เราก็มีความมุ่งมั่นในการเดินหน้าต่อไปเพื่ออนาคตที่มั่นคงของบุคลากรทุกคน
