“ฟิโก้” ปรับกลยุทธ์ควบรวมธุรกิจมีเดีย ผนึกกำลังบริษัทในเครือ รุกธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์เต็มสูบ มุ่งผลิตอีเวนต์ พร้อมปักหมุดสู่ความเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ป้อนทีวีดิจิตอลและวิทยุดิจิตอล หวัง 3-5 ปี รายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท มั่นใจก้าวแรกปีนี้หวังโกย 200 ล้านบาท
นายวรพจน์ นิ่มวิจิตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิวส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ กรุ๊ป จำกัด ในกลุ่มฟิโก้ เปิดเผยว่า ตามแผนการดำเนินงานของฟิโก้จากเดิมที่มีบริษัทดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับมีเดีย 3 บริษัท คือ มิวส์, มอนสเตอร์มีเดีย และ V Love Client หลังจากนี้จะรวมตัวและทำงานร่วมกันในนาม “ฟิโก้ มีเดีย”
ทั้งนี้ จะนำความแข็งแกร่งและความชำนาญของแต่ละบริษัทสู่ความเป็นบริษัทมีเดียแบบครบวงจรในการให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมทั้งบีโลว์เดอะไลน์ และอะโบฟเดอะไลน์ ทั้งในแง่ของการจัดอีเวนต์ เปิดตัวสินค้า รวมถึงความเป็นเอเยนซีวางแผนสื่อโฆษณาให้แก่ลูกค้า
แผนการทำงานหลังจากนี้ นอกจากจะให้บริการลูกค้าแล้ว ในส่วนของอีเวนต์ บริษัทฯ ยังเตรียมที่จะนำเข้าและสร้างสรรค์อีเวนต์คอนเสิร์ตขึ้นเองไม่ต่ำกว่า 4-5 งานในปีนี้ เช่น การนำคอนเสิร์ตศิลปินจากต่างประเทศเข้ามา และการจัดงานคอนเสิร์ตเฟสติวัลในไทย คาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนทั้งสิ้น 50-60 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนสร้างศิลปินขึ้นเอง เช่น Bang Bang Bang เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าและสร้างตลาดในต่างประเทศ และหลังจากนี้ยังจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม มองว่าธุรกิจอีเวนต์คอนเสิร์ตในปีนี้เติบโตสูงมาก จากที่ชะลอกันมาตั้งแต่ต้นปี 2557 ที่มีปัญหาทางการเมือง ทำให้มีคอนเสิร์ตหลายงานเลื่อนมาจัดงานในปีนี้แทน หรือคิดเป็นตัวเลขเทียบกันแล้ว ปีนี้มีจำนวนคอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 30-40%
นายวรพจน์กล่าวต่อว่า ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นธุรกิจที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดี ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ทางการเมืองที่กดดัน บวกกับทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมทีวีดิจิตอล รวมถึงวิทยุดิจิตอลที่กำลังจะเกิดขึ้น มองว่าคอนเทนต์มีความสำคัญมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงพร้อมที่จะก้าวสู่ความเป็นคอนเทนต์โพรวายเดอร์ ผลิตและนำเสนอคอนเทนต์ป้อนให้ช่องทีวีดิจิตอล รวมถึงลงทุนในส่วนของวิทยุดิจิตอลต่อไป ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับพาร์ตเนอร์เกี่ยวกับคอนเทนต์ที่จะเกิดขึ้น คาดว่าจะเห็นได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าเป็นต้นไป
“การรวมตัวกันในนามของฟิโก้ มีเดีย ครั้งนี้ มองว่าการดำเนินงานในปีแรกน่าจะมีรายได้รวมกันไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท และหลังจากดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ทั้งหมดเชื่อว่ารายได้จะเติบโตแบบก้าวกระโดด หรือภายใน 3-5 ปีจะมีรายได้เพิ่มเป็นปีละไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ภายใต้ 2 ธุรกิจหลัก คือ อีเวนต์ และคอนเทนต์โพรวายเดอร์ในสัดส่วน 50% เท่าๆ กัน” นายวรพจน์กล่าว