ทอท.ปรับราคากลางก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 เบื้องต้นลดลง 3พันล.จาก 6.2 หมื่นล. “ประสงค์”ตั้งเป้าปรับลดลงถึงหมื่นล .เหตุราคาน้ำมันลดลงมาก เหล็กล้นตลาด เตรียมประมูลคัดเลือกCSC ปีนี้ ก่อนลุยประมูลหลุมจอดเป็นงานแรกในม.ค. 59 หากได้รับไฟเขียว EHIA พร้อมตั้งคณะทำงานเตรียมพร้อมรับ ICAO ตรวจสนามบิน มั่นใจได้มาตรฐานพร้อมเด้งผอ.สุวรรณภูมิโยกย้ายผู้บริหารอีกหลายตำแหน่ง
นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพกร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังประชุมบอร์ดทอท.วันที่ 29 เม.ย. ว่า ที่ประชุมรับทราบการปรับราคาโครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 จาก 62,503.214 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.)มีข้อสังเกตโดยหลังจากปรับการเลือกใช้วัสดุสามารถลดลงได้ประมาณ 2,700 ล้านบาท และได้ยกเลิกการจ้างที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (PMC) ซึ่งทอท.ดำเนินการเองทำให้ลดงบประมาณได้อีก 300 ล้านบาททำให้ลดราคาในขณะนี้ได้รวม 3,000 ล้านบาท แต่ทั้งนี้การตรวจสอบราคากลางยังไม่แล้วเสร็จทั้งหมด ซึ่งคาดว่าสุดท้ายจะสามารถปรับลดค่าก่อสร้างลงได้ถึง 10,000 ล้านบาท
“การปรับลดราคากลางเป็นไปตามระเบียบกรมบัญชีกลาง ซึ่งขณะนี้ยังประเมินไม่ครบทุกรายการ ซึ่งในขั้นต่อไปจะเปิดโอกาสให้ผู้ค้าวัสดุก่อสร้างเสนอราคาแข่งขันมากขึ้น โดยที่มาตรฐานวัสดุหรือคุณภาพเป็นไปตามการออกแบบเดิม ซึ่งโครงการนี้มีการใช้วัสดุมาก เชื่อว่าราคาวัสดุจะสามารถลดลงได้อีก 10-20% ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับลดลงจากปีก่อน
และปริมาณเหล็กในตลาดที่มีเกิดความต้องการ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าก่อสร้างลดลง”นายประสงค์กล่าว
ทั้งนี้ ทอท.ตั้งเป้าจะเปิดประกวดราคาก่อสร้างสุวรรณภูมิเฟส 2 ภายในปีนี้ โดยได้เสนอการศึกษาถึงผลกระทบของสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) แล้วตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา หากได้รับความเห็นชอบจะดำเนินการได้ทันที โดยจะแบ่งการประมูลเป็น 4 สัญญา ประกอบด้วย 1. สัญญาจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC) จะประกวดราคาก่อนภายในปีนี้ 2. งานก่อสร้างหลุมจอด ลานจอดโครงสร้างใต้ดิน อุโมงค์ ระบบสาธารณูปโภค 3. อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (อาคารแซทเทิลไลท์) 4. งานก่อสร้างอาคารผุ้โดยสารส่วนขยายด้านตะวันออก และงานก่อสร้างอาคารสำนักงานและที่จอดรถด้านทิศตะวันออก โดย งานหลุมจอดคาดว่าจะประมูลได้ในเดือนม.ค. 2559 และเริ่มก่อสร้างเดือนมี.คง 2559 ซึ่งขณะนี้การให้บริการยังไม่มีปัญหา
เนื่องจากมีการย้ายผู้โดยสารสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสต์แอร์ไลน์) มาใช้บริการที่สนามบินดอนเมือง
นายประสงค์กล่าวว่า ทอท.คาดว่าจะใช้เงินพัฒนาสุวรรณภูมิเฟส 2 ,การก่อสร้างรันเวย์สำรอง ,รันเวย์ที่ 3 และอาคารผู้โดยสารหลังใหม่บริเวณด้านเหนือ (North Terminal) ของอาคารเทียบเครื่องบิน Aรวมกว่า 1 แสนล้านบาทจากเงินทุนของทอท.เองโดยมาจากเงินสดหมุนเวียนประมาณ 40,000 ล้านบาท กำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ย (Ebitda) อีกประมาณ 50,000 ล้านบาท ประเมินว่าเงินจะติดลบไม่เกิน 3 เดือน
ซึ่งสามารถบริหารจัดการได้
พร้อมกันนี้ บอร์ดมีมติแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อเตรียมแก้ไขปัญหากรณีมีผลกระทบจากโครงการ USOAP โดยมีนาวาอากาศตรี ประจักษ์ สัจจโสภณ กรรมการ ทอท.เป็นประธาน เพื่อติดตามแก้ไขผลกระทบจากการตรวจสอบของ การบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ที่ได้ตรวจสอบกรมการบินพลเรือน (บพ.) ภายใต้โครงการตรวจสอบการกำกับดูแลความปลอดภัยสากล (Universal Safety Oversight Audit Program: USOAP) เตรียมการรองรับผลกระทบในทุกกรณี ซึ่งทอท.มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องสนามบิน โดยได้มีการปรับโครงสร้างแยกการดูแลบริหารความเสี่ยง ซึ่งเป็นไปตามกติกาและมาตรฐานสากล จากเดิมที่ทอท.รวมส่วนงานมาตรฐานการบินและบริหารความเสี่ยงไว้ด้วยกัน จึงมั่นใจว่า มีความพร้อมในการตรวจสอบ โดยคณะทำงานจะตรวจสอบอีกครั้งเพื่อความรอบคอบ
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2558 (ต.ค.57-ก.ย.58) ทอท.ประเมินว่ารายได้จะเติบโตถึง 15% ตามปริมาณผู้โดยสารที่เติบโต โดยช่วง 6 เดือนแรก (ต.ค.57-มี.ค.58) พบว่าผลการดำเนินงานดีกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ 10% โดยปริมาณผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.2% ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เชียงราย และหาดใหญ่ รวมแล้วเพิ่มขึ้น 27.3% และท่าอากาศยานภูเก็ตเพิ่มขึ้น 6.1%
นอกจากนี้บอร์ดยังมีมติ โยกย้ายผู้บริหารระดับ 11 โดยย้ายนายประพนธ์ ปัทมกิจสกุล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปเป็น ผู้เชี่ยวชาญ 11 และแต่งตั้งนายศิโรตม์ ดวงรัตน์ จากผู้เชี่ยวชาญ 11 เป็นผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โยกย้ายนายประวิทย์ ฉายสุวรรณ จากรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและก่อสร้าง) ไปเป็นผู้เชี่ยวชาญ 11 และให้น.ท.สุธีรวัฒน์สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการก่อสร้างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฯ