ASTVผู้จัดการรายวัน - “พีเจ้น” ไม่หวั่นเศรษฐกิจแย่ เหตุพ่อแม่ยุคใหม่กล้าใช้เงินซื้อสินค้าสำหรับเด็ก ต้องการคุณภาพเป็นหลัก ทุ่ม 50 ล้านบาทสานต่อโครงการสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ พร้อมเตรียมนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่ 20-30 รายการ หวังกระตุ้นยอดขายโต 15%
นางสาวสุวรรณา โชคดีอนันต์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส บริษัท มุ่งพัฒนาอินเตอร์แนชชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก แบรนด์ “พีเจ้น” เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีอัตราการเกิดของเด็กใหม่ปีละประมาณ 8 แสนคน ในขณะที่ปี 2557 ต้องประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งแม้จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในบางครอบครัว แต่ไม่มีผลกระทบสำหรับผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก ซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ตัดสินใจซื้อไม่คำนึงถึงปัจจัยด้านราคา
ปัจจุบันบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กประมาณ 1 พันเอสเคยู ครอบคลุม 7 หมวดสินค้า โดยในช่วงไตรมาสที่สองจะมีการปรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของจุกนมและขวดนมให้มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงการดื่มนมแม่มากขึ้น จากนั้นในช่วงไตรมาสที่สี่จะมีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ใหม่อีกประมาณ 20-30 รายการ เนื่องจากปัจจัยบวกที่มีผลต่อการทำตลาดผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กคือ นวัตกรรมใหม่ของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อตอบสนองเทรนด์และพฤติกรรมคุณแม่ยุคใหม่ที่มีความรู้สูงมากขึ้นและมีจำนวนบุตรน้อยลง แต่มีการจับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์เป็นจำนวนมากขึ้น
“ปีนี้บริษัทฯ จะเน้นทำการตลาดและสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียมากขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการสื่อสารกับคุณแม่ยุคใหม่ โดยมีคุณหมอและพรีเซ็นเตอร์ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ผ่าน Pigeon Little Moments Club ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 4 หมื่นราย พร้อมกันนั้นยังจะมีการจัดทำคลิปวิดีโอถ่ายทอดเรื่องราวการเลี้ยงดูบุตร รวมถึงกิจกรรม CRM อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี”
ในปี 2558 บริษัทฯ ใช้งบประมาณ 50 ล้านบาท จัดโครงการ “Pigeon Support Breastfeeding” ซึ่งเป็นแคมเปญย่อยของแคมเปญหลักคือ “Pigion MEET THE EXPERT” ซึ่งจัดทำขึ้นเมื่อปี 2556 พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์คนแรกของ “พีเจ้น” ประเทศไทยคือ “เปิ้ล-จริยดี สเปนเซอร์” พิธีกรและนักธุรกิจสาวในฐานะคุณแม่คนใหม่
โครงการดังกล่าวสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่ง “พีเจ้น” ถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กรายแรกและรายเดียวที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง ทั้งในแง่การให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ พร้อมใช้งบประมาณเปิดห้องให้นมบุตรในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลายแห่ง
“ผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็กมีความหลากหลายและยังไม่มีการรวบรวมข้อมูลสถิติต่างๆ อย่างเป็นทางการ แต่จากข้อมูลของบริษัทฯ ถือเป็นผู้นำตลาดในกลุ่ม Breastfeeding ด้วยส่วนแบ่งประมาณ 50% การจัดโครงการดังกล่าวจึงคาดว่าจะเพิ่มรายได้ในกลุ่มนี้ 30% หวังรายได้รวมเพิ่ม 15% ในปี 2558”
บริษัทฯ มีรายได้หลักจากผลิตภัณฑ์สำหรับแม่และเด็ก “พีเจ้น” 70% ผลิตภัณฑ์ “วีแคร์” 12% และผลิตภัณฑ์อื่น 18% คาดว่าปี 2558 จะมีอัตราเติบโตสองหลัก โดยปี 2557 บริษัทฯ มีรายได้จาก “พีเจ้น” 560 ล้านบาท เติบโต 9% สัดส่วนรายได้หลัก 60-70% จากผลิตภัณฑ์ Breastfeeding ซึ่งประกอบด้วยจุกนม ขวดนม เครื่องปั๊มน้ำนม ถุงเก็บน้ำนม และแผ่นซับน้ำนม ส่วนอีก 20-30% มาจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น กระดาษเปียกเช็ดทำความสะอาด (Baby Wipes) น้ำยาซักผ้าอ้อม แปรงสีฟัน และอื่นๆ