xs
xsm
sm
md
lg

ไทยสมุทรเล็งเจาะช่องทางเน็ต ตั้งเป้ากวาดเบี้ยเพิ่ม 4.6 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ไทยสมุทรประกันชีวิตตั้งเป้าปี 58 กวาดเบี้ยปีแรกเพิ่ม 4,600 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 15% เน้นช่องทางตัวแทนมากสุด พร้อมขยายช่องทางอินเทอร์เน็ตควบคู่กันไป ขณะเดียวกันเล็งเพิ่มการลงทุนหุ้นเป็น 5% ช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่ย้ำดูปัจจัยพื้นฐานและรายละเอียดรายตัวเป็นหลัก

นางนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของเบี้ยประกันชีวิตปีแรกที่ 4,600 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 15% และมีเบี้ยรับรวม 16,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 11% โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของตัวแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า นอกจากนี้ยังพยายามพัฒนาช่องทางอื่นควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะช่องทางดิจิตอลที่น่าจะมีการเติบโตค่อนข้างมากในปัจจุบัน

ส่วนผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาบริษัทมีเบี้ยประกันชีวิตปีแรกที่ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 11.2% จากปี 2556 ที่บริษัทมีเบี้ยปีแรกที่ 3,600 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีเบี้ยประกันรับรวมในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 14,700 ล้านบาท จากเดิมในปี 2556 อยู่ที่ 13,600 ล้านบาท

“ในปีที่ผ่านมาเราเน้นการสร้างตัวแทนและฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ให้เข้าใจง่าย และตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น ทั้งมอเตอร์ไซค์ VIP ป่วยได้รายได้ไม่หยุด และโรคร้ายจ่ายไหว ส่วนในปีนี้นอกจากช่องทางตัวแทนแล้วยังหันมาให้ความสำคัญต่อช่องทางอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยจะเริ่มจากสินค้าที่เข้าใจง่าย และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการลดหย่อนภาษีเป็นหลัก”นางนุสรากล่าว

นางนุสรา กล่าวอีกว่า การลงทุนปี 2557 บริษัทฯ สามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 6.23% โดยมีสินทรัพย์การลงทุนทั้งหมด 8.5 หมื่นล้านบาท เป็นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และเงินฝาก 40% หุ้นกู้ 30% เงินกู้ 25% และหุ้นกับอสังหาริมทรัพย์อีก 5% โดยจะเป็นการลงทุนในหุ้นประมาณ 2-3%

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาการลงทุนของบริษัทถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูงจากการเพิ่มการลงทุนในหุ้นกู้มากขึ้น หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ

เล็งจังหวะเพิ่มลงทุนในหุ้น

นางสาวสุวรรณ อุดมเฉลิมเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการลงทุน บมจ.ไทยสมุทรประกันชีวิต กล่าวว่า การลงทุนในปีที่ผ่านมาบริษัทได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และคาดว่าในปีนี้จะยังคงเป็นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ในส่วนของสหรัฐฯ อาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากการยกเลิกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟด แต่เชื่อว่าจะเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า

ทั้งนี้ การลงทุนของบริษัทประกันคงจะยากในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ บริษัทจึงต้องพยายามหาทางเลือกในการลงทุนแบบอื่นเข้ามาทดแทน ซึ่งอัตราผลตอบแทนที่ได้ในปีที่ผ่านมาถือว่าทำได้สูง ส่วนหนึ่งมาจากการเลือกการลงทุนที่ถูกต้องและตรงจังหวะมากกว่า

ส่วนการลงทุนในหุ้นไทยของบริษัทในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลดลงของหุ้นในกลุ่มพลังงานมากนักเพราะมีการขายทำกำไรไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงาน ซึ่งหลังจากนี้บริษัทเองมีความสนใจที่จะเพิ่มการลงทุนในหุ้นเป็น 5% เหมือนกัน จากเดิมที่อยู่ประมาณ 2-3% แต่คงจะต้องดูจังหวะที่เหมาะสมก่อน

“การจะเพิ่มการลงทุนในหุ้นเราต้องดูเป็นรายตัวและเลือกให้ตรงจังหวะ ซึ่งอาจจะเป็นช่วงครึ่งปีหลัง แต่ที่เน้นมากที่สุดคือปัจจัยพื้นฐานของหุ้นนั้นๆ เราจะต้องดูอย่างละเอียด ส่วนทางเลือกการลงทุนด้านอื่นอย่างการให้กู้ยืมแก่กองทุนรีตส์ หรือการลงทุนในกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทถือเป็นการเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่ดี แต่จะต้องดูเป็นรายตัวด้วยว่าสินทรัพย์ใดที่เหมาะกับการลงทุนของบริษัทมากที่สุด”


กำลังโหลดความคิดเห็น