xs
xsm
sm
md
lg

EGCO ล้มดีลซื้อโรงไฟฟ้าอินเดีย กำไร Q1 ใกล้เคียงปีก่อน 2.4 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ผลิตไฟฟ้า” ล้มดีลซื้อโรงไฟฟ้าอินเดีย เหตุผลตอบแทนการลงทุนต่ำ พร้อมยื่นเข้าประมูลร่วมทุนโรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิ ขนาด 1.2 พันเมกะวัตต์ที่ประเทศเวียดนามทันที หาก กฟผ.อินเตอร์ฯ เปิดประมูลให้ผู้ที่สนใจยื่นเข้ามา แย้มอีก 1-2 เดือนเรกูเลเตอร์ฟิลิปปินส์ไฟเขียวสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูราที่ฟิลิปปินส์อีก 500 เมกะวัตต์ มั่นใจกำไรไตรมาส 1 นี้ใกล้เคียงปีก่อน แม้โรงไฟฟ้าระยองหมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้วก็ตาม

นายสหัส ประทักษ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตัดสินใจไม่เข้าลงทุนธุรกิจไฟฟ้าในอินเดีย จากก่อนหน้านี้มีผู้เสนอให้บริษัทเข้าไปซื้อกิจการโรงไฟฟ้าหลายแห่งที่ประเทศอินเดีย คิดเป็นกำลังผลิตรวม 1 พันเมกะวัตต์ แต่จากการศึกษาพบว่าผลตอบแทนการลงทุนต่ำไม่น่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุน

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สนใจที่จะเข้าไปร่วมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิ กำลังการผลิต 1.2 พันเมกะวัตต์ที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งโรงไฟฟ้าดังกล่าวทาง กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนลได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ลงทุนโครงการดังกล่าว และมีกำหนดจ่ายไฟผลิตในปี 2564 โดยทาง กฟผ.อินเตอร์เนชั่นแนลอยู่ระหว่างการหาผู้ร่วมทุน โดยจะเปิดประมูลให้ผู้ที่สนใจแสดงเจตจำนง โดยบริษัทก็พร้อมที่จะยื่นประมูลหากมีการเปิดประมูลขึ้น

นายสหัสกล่าวถึงความคืบหน้าการลงทุนทำโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา ที่ประเทศฟิลิปปินส์ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (เรกูเลเตอร์) ของฟิลิปปินส์ คาดว่าจะได้รับในอีก 1-2 เดือนข้างหน้านี้ หลังจากนั้นก็จะดำเนินการจัดหาเงินกู้และก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่มีกำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟได้ในปี 2561 ส่วนเงินลงทุนยังไม่สามารถตอบได้ แต่เบื้องต้นโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1 เมกะวัตต์จะใช้เงินประมาณ 1.2-1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา ทางเอ็กโกจะร่วมทุนกับพันธมิตร คือ MERALCO สัดส่วนการถือหุ้น 50:50 โดยปีนี้จะใช้เงินลงทุนไม่มากนัก

นายสหัสกล่าวว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกปีนี้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิใกล้เคียงช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,484 ล้านบาท แม้จะไม่มีกำไรจากโรงไฟฟ้าระยองที่หมดสัญญาซื้อขายไฟฟ้าตั้งแต่เดือน ธ.ค. 57 แล้วก็ตาม เนื่องจากบริษัทรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้ามาซินลอค ที่ฟิลิปปินส์ โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพสตาร์ เอนเนอร์ยีที่อินโดนีเซีย โรงไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังงานลม โบโค ร็อค วินด์ฟาร์มที่ออสเตรเลีย และการเข้าไปถือหุ้นเพิ่มในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัท พัฒนาพลังงานธรรมชาติ (NED) จาก 33.33% เป็น 66.66% โดยปีที่ผ่านมาบริษัทฯ รับรู้กำไรจากโรงไฟฟ้าระยอง 400 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่งการพิจารณาขายเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าระยองที่หมดสัญญาไป พร้อมทั้งพิจารณาว่าจะพัฒนาพื้นที่โรงไฟฟ้าดังกล่าวเป็นสวนอุตสาหกรรมหรือเตรียมพื้นที่รองรับการประมูลรับซื้อไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) รอบใหม่ในอนาคต

แผนกลยุทธ์ในปีนี้จะมุ่งบริหารจัดการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ให้เดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงมองหาโอกาสในการซื้อสินทรัพย์ที่จะทำให้รับรู้รายได้เข้ามาทันที ตลอดจนการขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยมีพื้นที่ที่ให้ความสนใจ ได้แก่ ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย เวียดนาม ลาว พม่า
กำลังโหลดความคิดเห็น