“มามี่โพโค” เชื่อมั่นตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูป 12,000 ล้านบาทยังโตได้อีก เหตุปริมาณการใช้คนไทยยังต่ำกว่าญี่ปุ่นมาก พร้อมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่ “มามี่โพโค สแตนดาร์ด รุ่นมาตรฐาน” เพิ่มความแข็งแกร่ง
นายทาดาชิ นาคาอิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิ-ชาร์ม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ประเมินทิศทางตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปในไทยแล้ว พบว่าในประเทศไทยตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปยังคงมีเนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วปริมาณการใช้ผ้าอ้อมของคนไทยอยู่ที่ 60 ชิ้นต่อคนต่อปี เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีอัตราการใช้เฉลี่ย 120 ชิ้นต่อคนต่อปี ซึ่งยังห่างกันมาก แม้จะมีอัตราการปรับตัวการใช้ การเข้าถึงได้น้อยกว่าประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าหากทำการตลาดเชิงรุกตลาดจะมีอัตราการเติบโตได้มากกว่าประเทศญี่ปุ่นเป็นเท่าตัว โดยมองว่าการเติบโตยังคงเป็นไปตามที่คาดหวัง แม้จะไม่เติบโตมากในมุมของมูลค่าตลาด แต่มีการเติบโตในเชิงปริมาณการใช้แน่นอนไม่ต่ำกว่า 3% เนื่องจากการกระตุ้นความต้องการใช้ของผู้บริโภคที่มากขึ้น
ทั้งนี้ มูลค่าตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูปในไทยมีประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยแยกสัดส่วนตลาดตามกลุ่มสินค้าได้ดังนี้ กลุ่มพรีเมียมมีสัดส่วนประมาณ 55% ถัดมาเป็นกลุ่มสแตนดาร์ดมีสัดส่วน 30% และกลุ่มประหยัดหรืออีโคโนมีสัดส่วน 15%
ล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัว “มามี่โพโค สแตนดาร์ด รุ่นมาตรฐาน” โดยรุ่นนี้จะเพิ่มการซึมซับได้นานถึง 10 ชั่วโมง เหมาะทั้งตอนกลางวันและกลางคืน พิเศษสำหรับแบบกางเกงที่มีแผ่นระบายอากาศ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน ผู้ปกครองยุคใหม่ให้ความสำคัญต่อความประหยัด และต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี จุดเด่นของมามี่โพโค สแตนดาร์ด รุ่นมาตรฐาน เป็นผู้นำอันดับ 1 ของตลาด ซึ่งในแง่ของยอดขาย 3 อันดับที่ครองใจตลาด จะมีรุ่น Premium รุ่น Extra dry Speed Wave แบบเทป และ Pants Extra soft แบบกางเกง
ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะช่วยให้เราเพิ่มความแข็งแกร่งในตลาดผ้าอ้อมสำเร็จรูป โดยเฉพาะในเซกเมนต์ผ้าอ้อมรุ่นมาตรฐาน ซึ่งมามี่โพโค สแตนดาร์ด รุ่มาตรฐานมีไซส์ให้เลือกตั้งแต่ S จำนวน 18 ชิ้น M จำนวน 14 ชิ้น ราคา 99 บาทสำหรับแบบเทป และ S จำนวน 6 ชิ้น XL สำหรับแบบกางเกง และมีราคาประหยัดอีกด้วย
มามี่โพโครุ่นมาตรฐาน แบบเทป มีจำหน่ายในขนาดไซส์ S (18 ชิ้น) และ M (14 ชิ้น) ราคา 99 บาท ส่วนแบบกางเกง มีจำหน่ายในขนาด S (6 ชิ้น) M (5 ชิ้น) และ L (4ชิ้น) ราคา 44 บาท
