ตลาดความงามไทยมีศักยภาพ “แมนดอม” ขยับตัวทำการตลาดเชิงรุก หวังโตปีละ 15% ใน 5 ปีต่อเนื่อง ส่งหัวหอกใหม่ “บีเฟสต้า” จับฐานผู้หญิงในตลาดผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางมูลค่า 1,000 ล้านบาท หวังแชร์ 25% ในสิ้นปี ครองบัลลังก์เป็นสมัยที่ 2
นายเทสึอากิ มัตสึดะ ประธานบริหาร บริษัท แมนดอมคอร์ปอเรชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อาเซียนเป็นตลาดสำคัญของแมนดอม รองจากญี่ปุ่น ขณะที่ไทยเป็นประเทศที่แมนดอมทำรายได้เป็นอันดับสามในอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ถึงแม้ว่าตลาดความงามในไทยจะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่มีศักยภาพและมีโอกาสเติบโตสูง เนื่องจากสาวไทยใส่ใจเรื่องความสวยความงาม พร้อมทดลองและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ส่งผลให้บริษัทจะเน้นดำเนินธุรกิจในเชิงรุก นำเสนอสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ในช่วง 5 ปีหลังจากนี้ จากที่ผ่านมาเติบโตราว 10%
นางชนานุช วิชิตชลชัย ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายและการตลาด บริษัท แมนดอมคอร์ปอเรชั่น จำกัด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เดิมสินค้าหลักที่จำหน่ายในไทย คือ แกสบี้ ซึ่งเป็นผลิตภัฑฑ์จัดแต่งผมสำหรับผู้ชาย และในปี 2551 ที่ผ่านมาได้เข้ามารุกในกลุ่มผู้หญิง ด้วยผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอาง คือ บีเฟสต้า ส่งผลให้ในปีที่ผ่านมารายได้หลักมาจาก แกสบี้ 50% รองลงมาคือ บีเฟสต้า ฟิล์มซับมัน และดีโอโดแรนซ์ ขณะที่บีเฟสต้ามียอดขายเติบโตมากสุดกว่า 45% ทำให้ปีก่อนรายได้รวมบริษัทโตขึ้น 15%
ดังนั้น ในปีนี้บริษัทพร้อมใช้งบการตลาดกว่า 35-40% ของยอดขายบีเฟสต้าในการรุกการตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้น ทั้งการปรับสูตรใหม่ เปลี่ยนแพกเกจจิ้งใหม่ เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเฉพาะในคอนวีเนียร์สโตร์ อย่างบิ๊กซี และโลตัสเอ็กซ์เพรส และแฟมิลี่มาร์ท เป็นต้น เชื่อว่าจะทำให้บีเฟสต้าเป็นผู้นำตลาดเป็นปีที่ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 25% จากปีก่อนมี 22.5% ได้
อย่างไรก็ตาม ตลาดผลิตภัณฑ์ลบเครื่องสำอางปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 40% หรือมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 721 ล้านบาท โตจากปีก่อนหน้า 44% ซึ่งในตลาดนี้สามารถแบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ สูตรน้ำ 64% โลชั่น/น้ำนม 19% ออยล์ 8% ครีม 4% เป็นต้น โดยเฉพาสูตรน้ำ ที่เข้าสู่ตลาดมา 2 ปี พบว่าปีก่อนโตถึง 92% โดยบีเฟสต้าเป็นผู้นำในตลาดนี้ และในตลาดรวม