xs
xsm
sm
md
lg

“มาลี” เมินแข่ง “สงครามราคา” โหมเพิ่มสัดส่วน ตปท. 50% มุ่งยอดขาย 1 หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“รุ่งฉัตร บุญรัตน์” กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน)
ASTVผู้จัดการรายวัน - น้ำผลไม้ “มาลี” ไม่หวั่นตลาดแข่งเดือดด้านราคา ปรับแผน 5 ปี เน้นสร้างแบรนด์ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแต่ละกลุ่มอย่างตรงจุดจากที่มีอยู่ 10 กลุ่มสินค้า รวม 161 เอสเคยู คาดปี 58 รายได้เพิ่มขึ้น 10% หลังติดลบ 3% ในปี 57 พร้อมปรับสัดส่วนรายได้ในประเทศและส่งออกเท่ากัน 50:50 มุ่งสู่ยอดขาย 1 หมื่นล้านบาทในปี 61

นางสาวรุ่งฉัตร บุญรัตน์ กรรมการและรองผู้จัดการใหญ่สายการขายและการตลาด บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยว่า กระแสความนิยมการบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่เพิ่มขึ้นและเริ่มเปลี่ยนแปลงจากการดื่มเพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพเป็นการดื่มเพื่อปกป้องและป้องกันก่อนที่จะเกิดปัญหา ทำให้ปัจจุบันมีเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้นทั้งจากผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่ ส่งผลให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักใช้กลยุทธ์สงครามราคา (Price War) มาเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำการตลาด

ในส่วนของ “มาลี” จะยังคงเน้นเรื่องคุณภาพและประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับมากกว่า โดยมุ่งเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับเฉพาะกลุ่ม สามารถสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้บริโภคในกลุ่มนั้นๆ ได้อย่างแท้จริง รวมทั้งมีการวางโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ให้ชัดเจนเพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มสูงสุด โดยจะเน้นให้ความรู้ผู้บริโภคผ่านสังคมออนไลน์ พร้อมยังคงจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยแต่ละปีกำหนดงบประมาณการตลาดประมาณ 7% ของรายได้รวม

นางสาวรุ่งฉัตร กล่าวว่า ปัจจุบัน บริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้หลักจากแบรนด์ “มาลี” 60% และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญา และรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing & OEM) 40% แบ่งเป็นการจำหน่ายภายในประเทศ 80% และส่งออก 20% ไปยัง 25 ประเทศทั่วโลก โดยมีการกำหนดยุทธศาสตร์และแผนการตลาดในช่วง 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2557-2561 ว่าจะทำรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท ด้วยการเน้นผลิตและสร้างแบรนด์ “มาลี” มากขึ้นและลดปริมาณการรับจ้างผลิต รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการขายและจัดจำหน่ายสินค้าด้วยการลงทุนด้านคลังสินค้าใหม่ๆ ในพื้นที่ใกล้เคียงกับห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ

บริษัทฯ ยังเริ่มปรับแผนรายได้ในประเทศและส่งออกในสัดส่วนเท่ากันคือ 50:50 โดยจะเน้นตลาดหลักคือ 10 ประเทศในอาเซียนซึ่งจะเริ่มทำตลาดเองหลังจากที่ส่งออกผ่านตัวแทนจำหน่าย โดยการทำตลาดในบางประเทศอาจมีการเปลี่ยนชื่อตราสินค้า (Brand) และฉลากใหม่ เนื่องจากคำว่า “มาลี” (MALEE) ในบางประเทศมีความทางด้านลบ เช่น ในประเทศฟิลิปปินส์ มีความหมายว่า “ผิด” นอกจากนั้น ยังจะเริ่มเปิดตลาดประเทศจีนซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 4-5 รายในเมืองที่มีประชากรหนาแน่น ได้แก่ ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และนานจิง

นางสาวรุ่งรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 2557 ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 3% คิดเป็นมูลค่าใกล้เคียงกับปี 2556 คือประมาณ 5 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ต้องเลื่อนกำหนดการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มาเป็นช่วงปลายปี 2557 ต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2558

สำหรับตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มมีมูลค่าประมาณ1.2 หมื่นล้านบาท โดย “มาลี” อยู่ในกลุ่มตลาดน้ำผลไม้คุณภาพดีราคาสูง (Premium Market) ด้วยส่วนแบ่ง 23% ในขณะที่ตลาดมีการเติบโต 3% ขณะที่ตลาดน้ำผลไม้คุณภาพปานกลางราคามาตรฐาน (Medium Market) เติบโตสูงสุดถึง 20% ส่วนตลาดน้ำผลไม้ราคาประหยัด (Economy Market) เติบโต 3% และตลาดน้ำผลไม้ราคาถูก (Super Economy Market) เติบโตเพียง 1%

“ในปี 2558 บริษัทฯ คาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้นประมาณ 10% เท่ากับตลาดรวม เนื่องจากสถานการณ์ด้านต่างๆ ผ่อนคลายลงมาก ประกอบกับบริษัทฯ มีการทยอยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 10 กลุ่มสินค้า คิดเป็นจำนวน 161 เอสเคยู ส่งผลให้ในช่วงต้นปีที่ผ่านมามียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับปี 2557” นางสาวรุ่งรัตน์ กล่าวในที่สุด




กำลังโหลดความคิดเห็น