“มาลีกรุ๊ป” ขยายขอบเขตธุรกิจสู่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ รับเทรนด์คนยุคใหม่ใส่ใจสุขภาพ จับมือบริษัท เมก้า ไลฟ์ ไซแอ็นซ์ เตรียมออกผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ ทั้งสำหรับตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ คาดออกผลิตภัณฑ์แรกได้ประมาณครึ่งหลังของปี 2560
น.ส.รุ่งฉัตร บุญรัตน์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2559 ว่า บริษัทฯ และบริษัทย่อยมียอดขายรวม 1,770 ล้านบาท เป็นการสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท และเริ่มดำเนินธุรกิจในปี 2521 เติบโต 33% มีกำไรสุทธิ 161 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดด 176% โดยกำไรสุทธิรายไตรมาสสูงสุดนับจากช่วงปี 2555 ที่บริษัทได้รับผลประโยชน์จากการรับจ้างผลิต เนื่องจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิตได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ส่งผลให้ 9 เดือนแรกของปี 2559 กลุ่มบริษัทมียอดขายรวม 5,063 ล้านบาท เติบโต 31% และมีกำไรสุทธิ 413 ล้านบาท เติบโต 83%
การเติบโตของยอดขายในไตรมาส 3/2559 มีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจตราสินค้าของบริษัทฯ (Branded Business: Brand) และธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์ตามสัญญาและรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing Business : CMG) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยยอดขายตราสินค้าของบริษัทในประเทศยังคงเติบโตได้เล็กน้อย แม้ตลาดน้ำผลไม้พร้อมดื่มภายในประเทศชะลอตัวลง แต่ยอดขายในต่างประเทศยังคงเติบโตต่อเนื่อง
บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ที่จะขยายขอบเขตการดำเนินธุรกิจจากบริษัทที่ทำเพียงผลไม้และเครื่องดื่ม มาเป็นการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคอย่างเต็มตัว การมุ่งสู่ความเป็นผู้นำทางด้านสุขภาพจึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัท ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2559 บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ จำกัด (มหาชน) เปิดตัวบริษัทร่วมทุน บริษัท เมก้า มาลี จำกัด รับเมกะเทรนด์การใส่ใจเรื่องสุขภาพ (Health and Wellness) เพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ทางด้านผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มเพื่อสุขภาพจากธรรมชาติ ทั้งสำหรับตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์แรกได้ประมาณครึ่งหลังของปี 2560
นอกเหนือจากกลยุทธ์การมุ่งสู่ความเป็นผู้นำทางด้านสุขภาพ ตลาดต่างประเทศยังคงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตอย่างมั่นคง โดยบริษัทเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวทั้งกับตัวแทนจำหน่ายและคู่ค้า เพื่อขยายธุรกิจตราสินค้าของบริษัทในกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการเติบโตสูง เช่น ฟิลิปปินส์ พม่า และกัมพูชา รวมถึงประเทศจีน โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับตลาดแต่ละประเทศ รวมถึงการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งรายใหม่และรายปัจจุบัน เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการขยายธุรกิจได้มากขึ้น
บริษัทฯ มีความมั่นใจที่จะสามารถรักษาการเติบโตของยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากการเติบโตของยอดขายภายในประเทศและต่างประเทศตามเมกะเทรนด์การใส่ใจเรื่องสุขภาพ การเติบโตของยอดขายลูกค้า CMG ปัจจุบันและรายใหม่ ตลอดจนการเติบโตจากพันธมิตรทางธุรกิจและธุรกิจร่วมทุน ทั้งรายปัจจุบันและรายใหม่ซึ่งอยู่ระหว่างแผนการดำเนินงานของบริษัท
“นอกเหนือจากความมุ่งมั่นในการรักษาการเติบโตของบริษัทฯ อย่างมั่นคง โดยไม่พึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การลดต้นทุน การสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้มีความเข้มแข็ง รวมถึงการให้ความสำคัญในการดูแลบุคลากร เพื่อรองรับการเติบโตขององค์กรต่อไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน” น.ส.รุ่งฉัตรกล่าวในตอนท้าย