ส.อ.ท.ผวาผังเมืองใหม่หวั่นประกาศใช้เป็นเรื่องแน่ หลังพบกำหนดพื้นที่สีเขียว ลดพื้นที่สีม่วงซึ่งเป็นพื้นที่ตั้งโรงงานภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะมาบตาพุดแทบจะคุมกำเนิดลดพื้นที่จากเดิมกว่าครึ่ง สงขลาขีดเส้นเป็นสีเขียวหมดทั้งที่รัฐจะตั้งเขต ศก.พิเศษสงขลาซึ่งขัดแย้งกัน ชี้ไม่เพียงกระทบภาคอุตฯ แต่เกษตรต่อไปก็ตั้งโรงงานแปรรูปยากทำให้ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำลงไปอีก วอนรัฐทบทวนก่อนประกาศใช้
แหล่งข่าวจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามการจัดทำประกาศผังเมืองใหม่อย่างใกล้ชิดเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริง โดยเฉพาะการจัดพื้นที่อุตสาหกรรมที่ล่าสุดพบว่าผังเมืองชุมชนกว่า 100 แห่งใน 20 จังหวัดทั่วประเทศมีผลกระทบต่อการลงทุนภาคอุตสาหกรรมอย่างมากเพราะเน้นการลดพื้นที่สีม่วง (พื้นที่อุตสาหกรรม) ไปเป็นสีเขียวคือเกษตรกรรม และชุมชนแทน ทำให้อนาคตจะกระทบต่อการลงทุนของประเทศได้
“เฉพาะในอำเภอเมืองมาบตาพุด จ.ระยอง ที่ในผังเมืองเดิมได้กำหนดพื้นที่สีม่วงเป็นเขตอุตสาหกรรมกว่า 4 หมื่นไร่ แต่ผังเมืองที่กำลังพิจารณาใหม่ลดเหลือไม่ถึง 2 หมื่นไร่ หรือคงไว้แต่เพียงพื้นที่เดิมที่ตั้งโรงงานแล้วเท่านั้น ทำให้ไม่สามารถขยายโรงงานได้ ซึ่งจะกระทบต่อการขยายฐานการผลิตปิโตรเคมีที่เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำที่สำคัญของอุตสาหกรรมทุกประเภท และยังกระทบต่อท่าเรือขนส่งสินค้า รวมทั้งระบบลอจิสติกส์ เช่น คลังสินค้าต่างๆ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของผู้ประกอบการสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวม นอกจากนี้ จ.สงขลาเองก็ถูกกำหนดให้เป็นสีเขียวหมดจะกระทบต่อการขยายพื้นที่โรงไฟฟ้าจะนะเช่นกัน แล้วการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา จะมีประโยชน์อะไร” แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งนี้ ปัญหาผังเมืองที่ผ่านมาเกิดจากการใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานนานมาก ทำให้ไม่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น รวมทั้งในพื้นที่ยังมีประชาชนบางส่วนไม่เข้าใจและต่อต้านการตั้งโรงงาน ทาง ส.อ.ท.ได้แนะนำ ส.อ.ท.จังหวัดลงพื้นที่ชี้แจงชาวบ้านให้มากที่สุดเพื่อลดแรงกดดันจากชุมชน
นายธนารักษ์ พงษ์เภตรา รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า ภาคเอกชนได้พยายามยับยั้งผังเมืองที่มีปัญหาที่ยังไม่ได้ประกาศเป็นกฎหมายให้นำกลับมาพิจารณาใหม่ เพราะไม่เพียงแต่จะกระทบต่อการขยายการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมโดยตรงแม้แต่ภาคเกษตรเองก็จะทำได้เฉพาะต้นน้ำ การแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการตั้งโรงงานแปรรูปการเกษตรใกล้ๆ ก็ทำไม่ได้ หากต้องไปตั้งหรือขยายไปยังพื้นที่ไกลออกไปก็ไม่คุ้มกับต้นทุนขนส่ง
“โรงงานแปรรูปผลผลิตเกษตรเดิม เช่น โรงงานน้ำมันปาล์ม โรงงานแปรรูปอาหาร รวมไปถึงโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ต้องใช้วัสดุเหลือใช้ในภาคการเกษตร ไม่สามารถตั้งใหม่ หรือขยายโรงงานได้ เพราะธุรกิจในกลุ่มนี้หากขนส่งในระยะทางไกลจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งหากโรงงานเก่าขยายไม่ได้ โรงงานใหม่ไม่เกิด ถึงแม้เกษตรกรจะเพิ่มพื้นที่การผลิตก็ไม่สามารถจะขายเพิ่ม และจะทำให้สินค้าล้นตลาดฉุดราคาลงในอนาคต” นายธนารักษ์กล่าว
“กรณีผังเมืองมาบตาพุด หากรัฐบาลสามารถผลักดันให้เกิดนิคมฯ ทวาย ประเทศพม่าให้เกิดขึ้นได้จริง ภาคเอกชนก็มีทางเลือกย้ายไปขยายโรงงานในพื้นที่ใหม่ แต่ถ้าไม่เกิดก็จะกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมอย่างรุนแรง เพราะปิโตรเคมีเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานที่สำคัญของประเทศ” นายธนารักษ์กล่าว