กฟผ.เตรียมทบทวนตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ปีนี้ใหม่จากที่กำหนดไว้ที่ 27,500 เมกะวัตต์ หลังพบโอกาสโตตามเป้าน้อยแม้อากาศจะร้อนระดับ 40 องศาแต่เศรษฐกิจชะลอตัวกลับฉุดการใช้ไม่โต คาดพีกส่อลดลงจากเป้าเล็กน้อยแต่ไร้ปัญหาสำรองไฟยังสูง
นายเริงชัย คงทอง ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ กฟผ.จะหารือเพื่อประเมินสถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของประเทศ โดยเฉพาะปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุดหรือพีกที่เดิมปีนี้คาดการณ์ตัวเลขไว้ที่ระดับ 27,500 เมกะวัตต์ที่อาจจะต้องทบทวนใหม่เนื่องจากมีโอกาสที่พีกปีนี้จะต่ำกว่าที่ประมาณการเอาไว้ เพราะล่าสุดแม้อากาศจะร้อนโดยมีอุณหภูมิสูงระดับ 40 องศาแต่พีกก็ยังคงไม่ทำลายสถิติของปีที่แล้ว
“แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนมากขึ้น โดยกรมอุตุนิยมวิทยาคาดจะมีอุณหภูมิสูงระดับ 40 องศาก็ตาม แต่จากที่ได้ติดตามการใช้ไฟฟ้าในช่วงที่ผ่านมายังไม่ทำลายสถิติของปี 2557 ที่ไฟพีกอยู่ที่ระดับ 26,942 เมกะวัตต์ ซึ่งไฟพีกสูงสุดของปีนี้ยังอยู่ที่ 26,072 เมกะวัตต์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา การทบทวนตัวเลขไฟพีกต้องมองหลายตัวแปรประกอบกันไป ทั้งปริมาณใช้ไฟ และสภาพอากาศ ซึ่งตัวเลขพีกที่กำหนดไว้ 27,500 เมกะวัตต์อาจมีการเปลี่ยนแปลงบวกลบไม่เกิน 500 เมกะวัตต์ แต่เท่าที่ประเมินน่าจะไปในทิศทางลดลงมากกว่า ซึ่งตัวเลขจะเพิ่มหรือลดก็ไม่มีปัญหาต่อความมั่นคงพลังงาน เพราะยังมีสำรองไฟฟ้าอยู่ 15-20%” นายเริงชัยกล่าว
ทั้งนี้ ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดพีกได้นั้นไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องของอุณหภูมิอย่างเดียว แต่ยังหมายรวมถึงภาคการผลิตที่ใช้ไฟค่อนข้างมาก ซึ่งจากการติดตามของ กฟผ.พบว่าโรงงานภาคอุตสาหกรรมมีการลดการผลิตลงมาหลังจากภาวะส่งออกชะลอตัวลงจากภาวะเศรษฐกิจโลกและของไทยที่ชะลอตัวด้วยเป็นสำคัญทำให้การใช้ไฟจากภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวตาม ประกอบกับการคำนวณปริมาณไฟพีกเมื่อต้นปีใช้ตัวเลขจีดีพีที่อ้างอิงของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ขยายตัวสูงสุด 4% แต่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาการใช้ไฟฟ้าไม่ได้ขยายตัวตามเศรษฐกิจเท่าที่ควร
นายเริงชัยกล่าวว่า กฟผ.ได้คาดการณ์ไว้ว่าวันที่ 10 เม.ย.นี้จะเป็นวันที่การใช้ไฟฟ้าสูงสุด ซึ่งต้องติดตามว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ขณะเดียวกันก็เป็นวันที่แหล่งก๊าซธรรมชาติจากพม่าเริ่มหยุดจ่ายเป็นวันแรกจากที่กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 10-27 เม.ย ด้วย โดย กฟผ.ยืนยันจะดูกำลังการผลิตไฟฟ้าให้มีใช้อย่างเพียงพอ และขอให้ประชาชนร่วมกันใช้ไฟฟ้าอย่างมีคุณค่าด้วยเช่นกัน
