xs
xsm
sm
md
lg

“ไลอ้อน” ผุดฐานผลิตพม่ารับเออีซี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ไลอ้อน” เตรียมร่วมทุนกับพม่าผุดโรงงานผลิตผงซักฟอกปีหน้า หลังเริ่มทดลองตลาดรีแพกแบรนด์ OMEX ไปแล้วต้นปีนี้ พร้อมเดินหมากต่อเนื่องลุยต่างประเทศรับเออีซี หวัง 3-5 ปีรายได้ต่างประเทศเกิน 30% ส่วน “ไทยโฟกัส” สินค้าใหม่ชูความคุ้มค่าและประโยชน์การใช้งาน เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ล่าสุดในงานสหกรุ๊ปแฟร์ เปิดตัวแบรนด์สินค้าใหม่ 1 แบรนด์คือ WISE หวังดันรายได้ครึ่งปีหลังโต 10% ส่งทั้งปีโต 5-6% ทะลุ 14,000 ล้านบาท

นายบุญฤทธิ์ มหามนตรี ประธาน บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนลงทุนในตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง ล่าสุดได้มีการเจรจากับผู้ร่วมทุนในพม่าเรื่องการเข้าไปทำตลาดผงซักฟอกอย่างจริงจังในลักษณะร่วมทุนซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ทั้งขนาดโรงงาน งบประมาณการลงทุน กำลังการผลิต และทำเลในการตั้งโรงงานที่เล็งไว้ 2 แห่ง หนึ่งในนั้นคือ ย่างกุ้ง เป็นต้น คาดว่าปลายปีนี้จะสามารถสรุปผลออกมาได้ หลังจากต้นปีที่ผ่านมาได้เริ่มทดลองตลาดด้วยการส่งออกผงซักฟอกเข้าไปพม่า แล้วทำการรีแพกขายใหม่ ภายใต้แบรนด์ “OMEX”

จากที่ผ่านมาบริษัทได้รุกตลาดต่างประเทศในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคแล้วหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ พม่า เวียดนาม และลาว เป็นต้น ซึ่งในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี เหลืออยู่เพียงไม่กี่ประเทศเท่านั้น ดังนั้นแผนการทำตลาดต่างประเทศหลังจากนี้จะเน้นประเทศเดิมก่อนเป็นหลัก โดยจะให้ความสำคัญในการพัฒนาตลาดในสินค้านั้นๆ ให้มากยิ่งขึ้น จึงจะดูการทำตลาดในประเทศอื่นๆ ต่อไป โดยคาดหวังว่าใน 3-5 ปีหลังจากนี้ หลังเข้าสู่ AEC ยอดขายของไลอ้อนในต่างประเทศจะมีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 30% ของรายได้รวมทั้งหมด จากปีนี้อยู่ที่ 10-15% เท่านั้น

ในส่วนของการทำตลาดในประเทศนั้น ปีนี้จะยังคงมีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกยอดขายจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยก็ตาม ล่าสุดในงานสหกรุ๊ปแฟร์ครั้งที่ 18 ระหว่างวันที่ 26-29 มิ.ย.นี้ ทางไลอ้อนได้มีการนำเสนอสินค้าใหม่ 5 รายการ ประกอบด้วย 1. วิปโฟมอาบน้ำ แบรนด์โชกุบุสซึ 2.แปรงสีฟันด้ามเซรามิก เปลี่ยนหัวแปรงได้ แบรนด์ซิสเท็มม่า 3.ยาสีฟัน 4.แปรงสีฟัน และ 5.ทูธโฟม ทั้ง 3 รายการเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ WISE โดยเป็นการพัฒนาสินค้าที่อยู่ภายใต้หลักการ 3 ข้อ คือ การใช้งานที่สะดวก มีประสิทธิภาพ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่

นายบุญฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาปกติบริษัทจะมีอัตราการเติบโตปีละ 10% ซึ่งในปีนี้ครึ่งปีแรกมียอดขายลดลงเล็กน้อย แต่พอหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีนโยบายคืนเงินจำนำข้าวแก่ชาวนา พบว่ายอดขายในต่างจังหวัดกลับมาดีขึ้นซึ่งในส่วนของบริษัทเองทั้งปีนี้ยังคงใช้งบการตลาดที่ 20% ของยอดขายเช่นเดียวกับช่วง 10 ปีที่ผ่านมาที่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มงบการตลาดแต่อย่างใด แต่จะเน้นปรับวิธีการใช้งบการตลาดเป็นหลัก ลดการโฆษณาทางสื่อโทรทัศน์ลง เน้นนำเสนอให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ให้มากขึ้น รวมถึงนำเสนอสินค้าใหม่ มั่นใจว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้ครึ่งปีหลังเติบโตได้ 10% และทำให้ภาพรวมรายได้ทั้งปีเติบโต 5-6% หรือมีมูลค่ากว่า 14,000 ล้านบาท


กำลังโหลดความคิดเห็น