ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.ติดลบอีกเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 9 เดือน หลังปัจจัยลบรุมกระหน่ำ ทั้งแบงก์ชาติปรับลดจีดีพีปี 58 เหลือ 3.8% ตลาดหุ้นตก ส่งออกวูบ สินค้าเกษตรราคาตก ค่าครองชีพพุ่งสวนทางเงินเฟ้อลด ทำคนชะลอการใช้จ่าย แนะรัฐเร่งเบิกจ่ายงบ อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เผยเลิกกฎอัยการศึกหนุนนักท่องเที่ยวมาไทยมากขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของไทยเดือน มี.ค. 2558 ปรับตัวลดทุกรายการ 3 เดือนติดต่อกัน โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ระดับ 77.7 ลดจาก 79.1 ต่ำสุดในรอบ 9 เดือน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 58.8 ลดจาก 59.8 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 84.9 ลดจาก 86.4 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 67.1 ลดจาก 68.4 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 72.0 ลดจาก 73.0 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 94.0 ลดจาก 95.8
ปัจจัยลบที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลง มาจากการที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2558 เหลือ 3.8% จาก 4% เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยง ดัชนี Set Index ในเดือน มี.ค.ปรับตัวลดลง 81.07 จุด การส่งออกเดือน ก.ย. ลดลง 6.15% ราคาพืชผลทางการเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ ทั้งข้าวและยางพารา เงินบาทอ่อนค่า และผู้บริโภคยังวิตกปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้าสูงขึ้น แม้ว่าเงินเฟ้อจะติดลบ
ส่วนปัจจัยบวกก็มีบ้างแต่ไม่มาก เช่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายจาก 2.00% ลงเหลือ 1.75% ราคาขายปลีกน้ำมันปรับตัวลดลงทั้งเบนซินและดีเซล และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกปี 2558 จะขยายตัวสูงกว่าไตรมาส 4 ปีที่แล้ว
“ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดลงต่ำสุดในรอบ 9 เดือน นับตั้งแต่เดือน ก.ค.2557 เพราะผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยโดยรวม ทำให้ความเชื่อมั่นในอนาคตลดลงต่ำสุดในรอบ 8 เดือน สะท้อนให้เห็นว่าคนเริ่มกังวลกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต” นายธนวรรธน์กล่าว
ทั้งนี้ คนยังมีความกังวลในเรื่องการเมืองเพิ่มขึ้น โดยพบว่าดัชนีสถานการณ์การเมืองในอีก 3 เดือนข้างหน้าได้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 98.8 ต่ำกว่าระดับ 100 ซึ่งเป็นระดับปกติเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนนับตั้งแต่เดือน ก.ย. 2557 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้การเมืองจะมีเสถียรภาพ แต่คนเริ่มมีความกังวลมากขึ้น
นายธนวรรธน์กล่าวว่า จากผลสำรวจประเมินว่า ไตรมาส 2 แนวโน้มการบริโภคของประชาชนจะยังไม่ฟื้นตัวมากนัก เพราะยังมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าเกษตรมีราคาต่ำลง โดยเฉพาะข้าวและยางพารา ทำให้กำลังซื้อลดลง โดยการบริโภคจะฟื้นตัวเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับการเร่งเบิกจ่ายเงินลงทุนของรัฐเป็นสำคัญ และต้องเร่งสนับสนุนการท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคัก เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะขณะนี้การส่งออกยังไม่ฟื้นตัว โดยคาดว่าหากมีการกระตุ้นชัดเจนมากขึ้นจะทำให้การบริโภคเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนการยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก เห็นว่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวตัดสินใจเข้ามาท่องเที่ยวในไทยได้สบายใจขึ้นจากการทำประกันภัยการเดินทางได้ง่ายขึ้น โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจากยุโรปและญี่ปุ่นจะเข้ามามากขึ้น และหากไปเที่ยวในภาคใต้ก็จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ราคายางตกต่ำ และเที่ยวในภาคกลางช่วยเยียวยาจากผลกระทบราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และยังเห็นได้ชัดจากการที่ตลาดหุ้นดัชนีปิดบวกติดต่อกัน 2 วัน