ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค.ดิ่งอีก หลังคนกังวลเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้น ราคาข้าว ยางพาราตก สินค้าแพงหูฉี่

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค.กลับมาหัวทิ่มอีก หลังคนเริ่มกังวลเศรษฐกิจไทยยังลูกผีลูกคน ราคาสินค้าเกษตรทั้งข้าวและยางยังตกต่ำ ค่าครองชีพพุ่ง สินค้าแพง ส่วนเหตุบึ้มหน้าสยามพารากอน กระทบความเชื่อมั่นระยะสั้นหากไม่เกิดซ้ำอีก แนะรัฐเร่งจับตัวคนร้าย และผู้บงการโดยเร็ว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. 2558 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 80.4 จากเดิมอยู่ที่ 81.1 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันอยู่ที่ 60.7 ลดจาก 61.2 และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอนาคตอยู่ที่ 87.9 ลดจาก 88.7 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ที่ 69.7 ลดจาก 70.5 ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำอยู่ที่ 74.1 ลดจาก 74.6 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 87.4 ลดจาก 98.3

ปัจจัยลบที่ส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลง มาจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คงเป้าหมายอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2558 ที่ 4% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าเศรษฐกิจปี 2557 จะโตเพียง 0.7% จากเดิม 1.4% และปี 2558 โต 3.9% การส่งออกทั้งปี 2557 ขยายตัวติดลบ 0.4% ราคาสินค้าเกษตรยังทรงตัวในระดับต่ำ ทั้งข้าวและยางพารา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น และผู้บริโภคยังคงกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพและราคาสินค้าที่ยังทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งยังมีความไม่มั่นใจต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของไทย

ส่วนปัจจัยบวกมีไม่มาก เช่น คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2% SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันขายปลีกปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทั้งเบนซินและดีเซล

“การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคกลับมาลดลง เพราะคนยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยที่จะได้รับผลกระทบจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ราคาสินค้าเกษตรยังคงตกต่ำ ทั้งข้าวและยางพารา ทำให้กำลังซื้อของคนในต่างจังหวัดลดลง รวมทั้งคนยังมีความกังวลต่อสถานการณ์ค่าครองชีพที่ยังอยู่ในระดับสูง และแม้ว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้ความเชื่อมั่นดีขึ้น”

อย่างไรก็ตาม การที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะกลับมาฟื้นตัวได้เร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลในการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะภาคการส่งออกยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ เพราะเศรษฐกิจโลกยังมีความผันผวน ขณะที่การท่องเที่ยว หากกลับมาคึกคักก็จะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น

นายธนวรรธน์กล่าวว่า ศูนย์ฯ ยังได้สำรวจพฤติกรรมผู้ประกอบการและประชาชนต่อเหตุการณ์ระเบิดที่ทางเชื่อมรถไฟฟ้าหน้าสยามพารากอน พบว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจในระดับปานกลาง เพราะต้นทุนในการรักษาความปลอดภัยจะเพิ่มขึ้น และยังพบว่าประชาชนกังวลที่จะไปเลือกซื้อสินค้าในบริเวณดังกล่าว แต่ก็จะเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้นหากไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการและประชาชนมองว่ารัฐบาลควรจะเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความมั่นคงและความปลอดภัยโดยเร็ว และเพิ่มการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด รวมทั้งต้องเร่งตามจับตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ และตรวจสอบหาสาเหตุที่เกิดขึ้นให้ได้