“ฉัตรชัย” แย้มส่งออกไทย 2 เดือนแรกปีนี้ติดลบ 4.8% หลังยอดส่งออกน้ำมัน ทองคำลดลงมาก ฉุดส่งออกภาพรวมร่วงตาม ส่อแววทบทวนเป้าส่งออก 4% เหตุเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจคู่ค้าไม่ดี ยังเชื่อหากทำแผนรับมือทันการณ์ดันส่งออกโตได้ ย้ำระบายข้าวชะลอไว้ก่อนจนถึงเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย. ด้านการดูแลค่าครองชีพ สั่งหยุดรถโมบายล์ หวั่นกระทบโชวห่วย แต่ให้เพิ่มธงฟ้าจัดในสถานที่ราชการพื้นที่ห่างไกลแทน
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยในช่วง 2 เดือนปี 2558 (ม.ค.-ก.พ.) คาดว่ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัวติดลบประมาณ 4.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัญหาหลักมาจากการส่งออกน้ำมันลดลงมาก ส่วนทองคำ มูลค่าส่งออกก็ลดลงถึง 60% ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัว และในเดือน ก.พ. ไทยกลับมีการนำเข้าทองคำเพิ่มมากขึ้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะมีการแถลงข่าวตัวเลขส่งออกอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 มี.ค.
“ขณะนี้เศรษฐกิจโลกและคู่ค้ายังไม่ดีนัก กระทบต่อการส่งออกของหลายๆ ประเทศ ไม่ใช่แค่ไทยประเทศเดียว โดยอินเดียลดลง 13% อินโดนีเซียลดลง 11.9% สิงคโปร์ลดลง 8.6% ออสเตรเลียลดลง 8.4% และสหรัฐฯ ลดลง 5.1% แต่ไทยยังดีกว่าหลายประเทศที่ลดลงไม่มาก และหากวิเคราะห์ตลาดได้อย่างชัดเจนก็มีโอกาสที่จะผลักดันให้การส่งออกขยายตัวได้ แม้เศรษฐกิจโลกจะยังไม่ฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ก็ตาม”
สำหรับเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2558 ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 4% ขณะนี้ยังยืนยันเป้าหมายเดิม แม้หลายหน่วยงานได้ปรับลดลงแล้ว โดยจะมีการทบทวนสถานการณ์การส่งออกของไทยอีกครั้งภายหลังจากสิ้นไตรมาสแรกปีนี้ไปแล้ว
ทั้งนี้ ในการผลักดันการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือภาคเอกชนรายใหญ่ให้เป็นพี่เลี้ยงในด้านการส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) โดยมีผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ให้ความร่วมมือแล้ว ได้แก่ สหพัฒน์ เป็นพี่เลี้ยงในตลาดอาเซียน, เซ็นทรัล ตลาดเวียดนาม และอินโดนีเซีย, ซีพี ตลาดจีน และไทยเบฟ ตลาดอาเซียน ซึ่งล่าสุดอยู่ในขั้นตอนการถ่ายทอดประสบการณ์ด้านการตลาด โอกาสและช่องทางการส่งออก ก่อนคัดเลือกเอสเอ็มอีเดินทางไปเปิดตลาดในต่างประเทศในเดือน เม.ย.นี้
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า ได้สั่งการให้ชะลอการระบายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ครั้งที่ 3/2558 ออกไปก่อน จากเดิมที่มีแผนจะระบายข้าวทุกเดือน เพราะอาจทำให้ราคาข้าวเปลือกในประเทศที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ตกต่ำได้ คาดว่าจะเปิดระบายได้อีกครั้งประมาณเดือน พ.ค.หรือ มิ.ย. แต่ในช่วงนี้กระทรวงพาณิชย์จะเร่งส่งมอบข้าวให้จีน ตามสัญญาซื้อขายเดิม 1 ล้านตัน โดยได้ส่งมอบไปแล้วเพียง 3 แสนตันเท่านั้น ส่วนข้าวเสื่อมที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 ล้านตัน จะเปิดประมูลได้หลังเดือน ส.ค.ไปแล้ว เพราะน่าจะดำเนินการทางด้านคดีความเสร็จสิ้น
ส่วนการลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในยุติการจัดโครงการธงฟ้าเคลื่อนที่ (โมบายล์ยูนิต) ก่อน เพราะอาจกระทบต่อร้านค้าปลีกดั้งเดิม (โชวห่วย) แม้ประชาชนให้การตอบรับดีก็ตาม โดยต้องพิจารณาตามสถานการณ์ความจำเป็นในแต่ละช่วงเวลา แต่ไม่ได้ให้ชะลอโครงการธงฟ้าในภาพรวม โดยให้มีการจัดโครงการธงฟ้า ขายสินค้าราคาประหยัดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ซึ่งจะปรับขนาดการจัดงานให้เล็กลง และเน้นขายในสถานที่ราชการที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในทุกภูมิภาคให้มากขึ้น ทั้งนี้ วันที่ 2-6 เม.ย. กรมการค้าภายในยังได้เตรียมจัดงานมหกรรมธงฟ้ามหาชน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่เมืองทองธานีด้วย
ทางด้านการแก้ปัญหากระเทียมราคาตกต่ำ ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) ได้อนุมัติวงเงิน 3.2 ล้านบาท ชดเชยดอกเบี้ย 3% ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกกระเทียม 4,516 ราย เป็นระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือน มี.ค.-มิ.ย. เพื่อให้เกษตรกรชะลอการจำหน่ายกระเทียม และรอเวลาการจำหน่ายในช่วงที่ราคาสูงขึ้น