“MACO” เล็งบุกตลาดเออีซี แย้มต้องร่วมทุน เผยเป้าหมายในไทยปี58 ต้องขยายพื้นที่โฆษณารวม 100,000 ตารางเมตร จากเดิม 80,000 ตารางเมตร พร้อมทุ่มงบลงทุน 400 ล้านบาทลุยสื่อดิจิตอลปีนี้ หวังดันรายได้โต 15%
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีนโยบายในการขยายธุรกิจทั้งในไทยและในต่างประเทศ โดยเฉพาะนโยบายการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ปี 2558 นี้ ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีความสนใจ ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการศึกษาตลาดมาตลอด ซึ่งแต่ละประเทศก็มีความแตกต่างกัน ทั้งในเรื่องของกฎหมาย ตลาดรวม พฤติกรรมผู้บริโภค หรือแม้แต่สภาพเศรษฐกิจ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องหาพันธมิตรท้องถิ่นหรือโลคัลพาร์ตเนอร์ในการทำธุรกิจด้วยกัน
“การทำธุรกิจในต่างประเทศไม่ใช่ง่ายอย่างที่เราคิด เราต้องหาพันธมิตรทุกประเทศ ตอนนี้เรายังไม่ได้ลงทุนอะไร เช่น ที่มาเลเซีย ตลาดใกล้เคียงกับไทย ทั้งเรื่องกฎหมาย ระเบียบต่างๆ รวมทั้งลักษณะการซื้อสื่อด้วย ส่วนที่กลุ่มซีแอลเอ็มวีนั้นคิดว่าเป็นตลาดที่เหนื่อย”
สำหรับตลาดในเมืองไทย ปีนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนประมาณ 300-400 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายในปี 2558 จะต้องมีพื้นที่โฆษณาของบริษัทฯ 100,000 ตารางเมตร จากขณะนี้ที่มีรวม 80,000 ตารางเมตร หรือเพิ่ม 20% และคาดหวังรายได้เติบโต 15% จากปีที่แล้วที่มีรายได้รวมประมาณ 622 ล้านบาท กำไรสุทธิ 133 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดหวังการเติบโต 15%
ทั้งนี้ ธุรกิจจะมาจาก 2 กลุ่มหลัก คือ 1. มาโก้สเปซ (MACO SPACE) คือพื้นที่โฆษณาของบริษัทฯ เองทั้งจากสัมปทานของรัฐและเอกชน ที่ประกอบด้วย 1. สื่อบิลบอร์ดหรือป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ ขณะนี้มีมากสุด 60,000 ตารางเมตร ประมาณ 200 ป้าย ขนาดใหญ่สุดยาว 100 เมตร เล็กสุดยาว 20 เมตร 2. สื่อสตรีทเฟอร์นิเจอร์ และ 3. สื่อเคลื่อนที่ และจะเพิ่มธุรกิจใหม่ คือ 4. สื่อดิจิตอล
ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ นอนมาโก้ (NON MACO) ซึ่งกลุ่มนี้เริ่มทำ 2-3 ปีแล้ว อยู่ในช่วงเริ่มต้น คือ 1. เมดทูออเดอร์ ทำตามที่ลูกค้าต้องการเป็นงานเฉพาะ 2. งานอีเวนต์ โดยใช้สื่อของบริษัทฯ เข้ามาสนับสนุน 3. โอเอชเอ็ม ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาผนวกการทำงาน การรับรู้ ซึ่งลักษณะงานในกลุ่มที่ 2 นี้ยังมีสัดส่วนรายได้น้อยมากเพียง 10%
สำหรับธุรกิจสื่อใหม่ที่จะเริ่มชัดเจนปีนี้คือ ดิจิตอล ซึ่งจะนำเอาสื่อบิลบอร์ดขนาดใหญ่ ที่มีอยู่และมีความเหมาะสมทั้งทำเลและขนาดมาปรับเป็นสื่อดิจิตอล คาดว่าจะเริ่มได้ประมาณ 5 จุดก่อน
นายนพดลกล่าวต่อถึงพื้นที่โฆษณาที่ได้สิทธิ์ในปั๊มน้ำมันจิฟฟี่เดิมที่เปลี่ยนเป็นปั๊ม ปตท.แล้วว่า ปีนี้จะทำการจัดหมวดหมู่ใหม่ อาจจะนำเอาสื่อโฆษณาจิฟฟี่ไปอยู่ในกลุ่มของสื่อทรานซิต เนื่องจากเป็นทำเลที่มีการคมนาคมขนส่ง ซึ่งมี 147 แห่ง ตามแผนบริษัทฯ จะติดตั้งป้ายโฆษณาแบบใหม่รวม 300 กว่าป้าย แบ่งเป็น 2 ป้ายต่อปั๊ม รวมกว่า 1,800 ตารางเมตร คาดว่าเดือนมีนาคมจะเริ่มดำเนินการทยอยติดตั้งได้ ขนาด มินิบิลบอร์ด 2 คูณ 3 เมตร เป็นกล่องไฟ ลงทุนรวมประมาณ 30 ล้านบาท อยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าหลายรายที่มีความสนใจ ซึ่งหากลูกค้าซื้อเป็นแพกเกจ แพกเกจละ 50 ป้าย อย่างนี้เพียง 6 รายก็ขายหมดแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วบริษัทฯ ลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท เนื่องจากทางบอร์ดบริษัทฯ ต้องการให้การลงทุนแต่ละครั้งออกมาแล้วได้รับผลตอบแทนที่ดี และมีคุณภาพ จึงค่อนข้างที่จะคอนเซอร์เวทีฟในการลงทุน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เองมีสถานะทางการเงินที่ดีและพร้อมที่จะลงทุนทันทีหากมีโครงการที่ดีและมีความเหมาะสม เพื่อสร้างความยั่งยืนและการเติบโตของบริษัทฯ
“ก่อนหน้านี้เราเคยขอมติบริษัทฯ ออกหุ้นกู้ 1,000 ล้านบาทไปแล้ว แต่เราก็ขอยืดหุ้นกู้ออกไปก่อน ซึ่งถ้าจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจริงๆ เราก็มีสต๊อกไว้ 1,000 ล้านบาทที่สามารถจะลงทุนได้ในช่วง 2-3 ปีนี้อย่างสบายๆ ซึ่งที่ผ่านมาที่เราลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นสัดส่วนกระแสเงินสด 20% และเงินกู้ 80%”
อย่างไรก็ตาม จะมีการร่วมทุนหรือเทกโอเวอร์ธุรกิจที่เกี่ยวข้องอีกหรือไม่นั้น นายนพดลให้ความเห็นว่า เป็นเรื่องของอนาคต ไม่สามารถตอบได้ ที่ผ่านมาที่เราร่วมมือกับ ทางบริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย (มหาชน) โดยวีจีไอเข้ามาถือหุ้นในบริษัทมาโก้ 24% นั้นถือว่าสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างมาก และมีการแยกตลาดกันชัดเจน คือ วีจีไอทำตลาดในส่วนของสื่อบนรถไฟฟ้ากับสื่อในไฮเปอร์มาร์เกต ส่วนที่เหลือมาโก้ดำเนินการทั้งหมด
ล่าสุดบริษัทฯ ได้แต่งตั้งนายณรงค์ ตรีสุชน ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ทางด้านมีเดียอย่างดี