ยิบอินซอย เผยการเติบโตในปีที่ผ่านมาโตถึงจุดพีกที่ 31% ส่วนปีนี้ตั้งเป้าโตแค่ 10-15% เพราะลูกค้ารายหลักๆ ทยอยลงทุนไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะการทำระบบดีอาร์ไซต์ที่นิยมกันมาก ชี้นับจากนี้จะมุ่งเน้นเอกชนโดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีภาคการผลิตมากขึ้นเพื่อเป็นการขยายตลาด และสร้างรายได้เพิ่ม เผยมองการให้บริการคลาวด์แต่ยังต้องศึกษาแผนงานให้ดีเพราะไม่อยากให้ซ้ำซ้อนกับผู้ให้บริการรายอื่น แต่หากลูกค้าต้องการก็พร้อมจัดให้ผ่านพาร์ตเนอร์
นายสุภัค ลายเลิศ กรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมา (ปิดงบประมาณเดือนกันยายน) ยิบอินซอย มีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 31% เนื่องจากได้ทำการประเมินสถาณการณ์บ้านเมืองไว้ล่วงหน้าแล้ว ประกอบกับการไม่ได้ทำธุรกิจตามนโยบายภาครัฐ จึงทำให้ไม่ได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ ยังได้จัดทำระบบไซต์สำรอง หรือดีอาร์ไซต์ ให้แก่องค์กรต่างๆ เป็นจำนวนมาก ทำให้ผลประกอบการอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก และปิดรายได้รวมที่ 3,880 ล้านบาท
ทั้งนี้ที่ผ่านมา ยิบอินซอยได้เน้นการให้บริการแก่ลูกค้าเก่าด้วยการปรับปรุง และพัฒนาระบบไอทีภายใน รวมไปถึงระบบหลังบ้านให้แก่ลูกค้าให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา โดยมีอัตราการเติบโตคงที่ทุกปีประมาณ 10-15% โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นหน่วยงานราชการ และเอกชนในสัดส่วน 50-50
“ระยะหลังยิบอินซอยจะเน้นการให้บริการแก่กลุ่มเอกชนมากขึ้น เนื่องจากในหน่วยงานราชการนั้นบางครั้งงบประมาณขาดช่วง ทำให้การดูแลกระแสเงินสดลำบาก ซึ่งถ้าพลาดหนึ่งโครงการจะพลาดรายได้ถึง 30% ดังนั้น ในปีนี้จะหันรุกธุรกิจรายย่อย หรือเอสเอ็มอีซึ่งจะตั้งทีมขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะ ถือเป็นการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เน้นภาคการผลิตที่จะสามารถนำไอทีมาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้ รวมไปถึงการทำระบบออโตเมชัน รับกับการแข่งขันในอนาคตที่คาดว่าความได้เปรียบด้านค่าแรงจะลดลง”
นายสุภัค กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมานับว่าดี แต่ไม่น่าจะเติบโตมากเหมือนปีที่ผ่านมา เนื่องจากลูกค้าทยอยลงทุนไปเยอะแล้ว ประกอบกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ยังไม่น่าจะเติบโตมากในปีนี้ จึงได้ตั้งอัตราการเติบโตไว้ที่ 10-15% ซึ่งการวางแผนธุรกิจของยิบอินซอยจะเน้นไม่หวือหวามาก มุ่งรักษาเสถียรภาพให้ดี และมีเทคโนโลยีค่อนข้างหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ปัจจุบันยิบอินซอยมีลูกค้าในกลุ่มธนาคาร เทลโก้ ออยแอนด์แก๊ส และราชการ
ทางด้านรายได้นั้นมาจากการดูแลรักษาระบบให้แก่ลูกค้าประมาณ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด นอกนั้นเป็นการขายซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ โดยในอนาคตสัดส่วนบริการน่าจะสูงขึ้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา ได้ลูกค้าใหม่อย่าง EGAT ที่ทำการปรับเปลี่ยนระบบอีอาร์พีใหม่ และทำดีอาร์ไซต์ ส่วนการให้บริการคลาวด์นั้น ยิบอินซอยกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และได้วางคลาวด์ไว้ในแผนธุรกิจก่อนที่จะคิดบริการออกมา แต่ไม่น่าจะซ้ำซ้อนกับบริการคลาวด์ของผู้ประกอบการรายอื่น
“วันนี้เรายังปรับตัวไม่เยอะเพราะยังมีโครงการค้างอยู่มาก แต่ด้วยความที่โลกเปลี่ยนแปลงเราจึงต้องปรับตัวตาม จึงเริ่มมองซอฟต์แวร์เก่าๆ ที่เคยให้บริการลูกค้ามาทำเป็น Software As A Service ทางด้านคู่แข่งในตลาดนั้นไม่ค่อยกังวลเท่าใดนักเพราะเรามีลูกค้าที่อยู่กับเรามานาน มีฐานลูกค้าพอสมควร เราเป็นเพื่อนเขา ไม่ทิ้งเขา แนะนำและตอบสนองในสิ่งที่เขาต้องการได้ดี ส่วนจุดเด่นของเรานั้นเราไม่ค่อยผูกขาดกับเจ้าของฮาร์ดแวร์รายใดรายหนึ่ง เราทำในสิ่งที่เราค่อนข้างแข็งแรงทำให้เรายังสามารถเติบโตได้”
นายสุภัค กล่าวว่า ปัจจุบันเรามีพนักงาน 1,000 คน การขยายไปสู่กลุ่มเอสเอ็มอีน่าจะทำให้เราขยายรายได้เพิ่มขึ้นได้ ส่วนตลาดเออีซีนั้น ตอนนี้ยังไม่เห็นชัดเจนมากนักว่าจะสร้างผลดีมากน้อยแค่ไหน จึงมุ่งที่จะสนใจที่จะดูแล และให้บริการแก่ลูกค้าที่มีอยู่ก่อน โดยเทคโนโลยีที่มาแรงในปีนี้น่าจะเป็น Infrastructure As A Service ซึ่งยิบอินซอยก็สามารถจับมือกับพาร์ตเนอร์เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้ ในลักษณะของไพรเวต คลาวด์
Company Related Link :
ยิบอินซอย